#บันทึกแชมป์ประวัติศาสตร์ยุติการรอคอย 30 ปี ตอนที่ 14

Match Day 13  23 November  2019

Crystal Palace 1 Liverpool 2

Match Day 13  23 November  2019

 

เล่นไม่ดีแต่ชนะ คลอปป์บอกไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องดีทุกนัด แต่สู้เกินร้อยทุกนัดคือสิ่งจำเป็น ขณะที่ฮ็อดจ์สันบอกนี่คือเกมดีสุดของพาเลซ แต่พวกเขายังแพ้ลิเวอร์พูล

จะเป็นแชมป์ต้องอาศัยเกมแบบนี้ ได้ประตูชัยท้ายๆเกม เล่นไม่ดี การแข่งขันที่ยาวนานเหมือนวิ่งมาราธอน ไม่มีใครหลีกเลี่ยงวันแบบนี้ ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะ 12จาก 13 นัด ทำแต้มทิ้งห่างชนิดทีมอื่นต้องแหงนคอตั้งบ่ามองที่หนึ่งก่อนคริสต์มาส

“ผมยังไม่คิดว่าเราได้แชมป์” คลอปป์กล่าวหลังเกม “จะชนะเพราะเล่นดีอย่างเดียวไม่ได้ ลิเวอร์พูลไม่มีหน้าที่เล่นเพื่อโชว์ว่าเราสร้างอะไรใหม่ๆให้ฟุตบอล เรามีหน้าที่ต้องทำ เล่นเพื่อผลการแข่งขัน และเราทำได้อีกครั้ง”

ฮ็อดจ์สัน ไม่ใช่ผจก.ที่เดอะ ค็อปรัก อาจคิดด้วยซ้ำว่า เขาได้เป็นผจก. ทีมลิเวอร์พูลได้อย่างไร แต่แฟนพาเลซบูชาเขา ร้องเรียกชื่อเขาตลอดเกม  ทั้งที่พาเลซได้แค่ 1 คะแนนจาก 4 เกมล่าสุด

ลิเวอร์พูลเล่นโดยปราศจากโม ซาลาห์ ซึ่งไม่สมบูรณ์ อ๊อกซ์เลด-เชมเบอร์เลน มีโอกาสเป็นตัวจริงในตำแหน่งหน้าขวา ซึ่งคลอปป์ยืนยันว่า ไม่ต้องกังวลสำหรับการให้นักเตะอังกฤษเป็นตัวจริงเพราะฟอร์มดี หลังบาดเจ็บนาน 1 ปี อ๊อกซ์ยิง 5 จาก 7 เกมล่าสุด มากกว่า กองหน้า 3 คนของพาเลซรวมกัน

กองหน้าพาเลซคนที่ยิงได้ก่อนเกมนี้มีแค่ จอร์แดน อายิว ได้ 4 ประตู ขณะที่วิลเฟร็ด ซาฮาและแอนดรอส ทาวน์เซนด์ยิงไม่ได้ นั่นบ่งบอกปัญหาในเกมรุกของเจ้าถิ่น

แต่วันนี้ พาเลซมีโอกาสดีมากในครึ่งแรก ที่ลิเวอร์พูลเล่นต่ำกว่ามาตรฐาน มีโอกาสยิง 4 ครั้งใน 45 นาทีแรก ไม่เข้ากรอบเลย แถมเกมผิดพลาดแทบทุกจุด โดยเฉพาะเมื่ออเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์พยายามวางบอลข้ามฟากให้โรเบิร์ตสัน แต่ทาวน์เซนด์ตัดได้แล้วพาขึ้นมา เกมรับลิเวอร์พูลยังดี แต่จังหวะสกัดบอลลูกย้อนเข้าทางชิคู คูยาเต้ มีช่องว่างบอลเข้ากรอบเขตโทษให้อายิว โชคดีที่อายิวยิงไม่เข้ากรอบ จากระยะใกล้ๆ นั่นคือ 1 ใน 5 ครั้งที่พาเลซมีโอกาสยิงในครึ่งแรก

จะโทษลิเวอร์พูลว่าเล่นไม่ดีฝ่ายเดียวคงไม่ได้ เพราะพาเลซพยายามเน้นเกมรับ นักเตะทั้ง 11 คนพยายามหยุดเกมลิเวอร์พูลมากกว่าสร้างเกมตัวเอง บอลส่วนใหญ่อยู่กับลิเวอร์พูล แต่หาช่องเจาะเกมรับเจ้าถิ่นยากมาก

ทดเวลาเจ็บครึ่งแรก VAR มีบทบาทกับเกมอีกเมื่อ อาร์โนลด์ฟาวล์ซาฮา พาเลซได้ฟรีคิก ลูก้า มิลิโวเยวิช กัปตันทีมพาเลซเปิดฟรีคิก เจมส์ ทอมกิ้นส์โหม่งบอลที่เสาไกลเข้าประตูสำเร็จ จากการเช็คของ VAR โดยคริส คาวานาจ์ ให้สัญญาณกับเควิน เฟรนด์ว่า ไม่ให้ประตู เพราะอายิวผลักเดยัน ลอฟเร็นเพื่อเปิดทางให้ทอมกิ้นส์

อีกเกมที่ลิเวอร์พูลใช้พักครึ่งให้เป็นประโยชน์ น 49 ฟีร์มีโน่ได้บอลกลางสนาม ต่อให้โรเบิร์ตสันที่เติมขึ้นด้านซ้าย ฟูล-แบ็คเปิดเข้ากลาง ซาดิโอ มาเน่ยิงโดนไม่ดีนัก แต่บิเซนเต้ กวยต้า ประตูพาเลซไม่สามารถปัดบอลออกนอกกรอบได้ บอลชนเสาแรกแล้วกระดอนชนเสาอีกด้านก่อนเข้าประตู ลิเวอร์พูลนำ 1-0 ชนิดแฟนพาเลซงงว่าเกิดอะไรขึ้น

มาเน่ยิงพาเลซได้ 5 เกมติดต่อกัน เป็นคนที่ 3 ของลิเวอร์พูลที่ทำได้ สองคนแรกคือ โอเว่นกับนิวคาสเซิ่ลและซัวเรซกับนอริช

พาเลซไม่มีทางเลือกนอกจากพยายามบุกเอาคืน เกมนี้พวกเขามีโอกาสยิงมากกว่าลิเวอร์พูล 16-12 และยิงเข้ากรอบมากกว่า ทาวนเซนด์ยิงไกลติดอลิซง มิลิโวเยวิชยิงหลุดกรอบ เจฟฟรีย์ ชลุปป์ตัวสำรอง พลาดโอกาสเช่นกัน รวมถึงอดีตนักเตะลิเวอร์พูล คริสติยง เบนเตเก้

น 82 วิลเฟร็ด ซาฮาแสดงให้เห็นว่า เขาคือนักเตะที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างไร ทาวนเซนด์ให้บอลซาฮาหน้าเขตโทษ กองหน้าพาเลซโยกหลบโรเบิร์ตสัน ก่อนยิงผ่านอลิซง ตีเสมอสำเร็จ

ปัญหาสำหรับทุกทีมคือ ลิเวอร์พูลชุดนี้อันตรายที่สุดตราบใดที่ยังไม่หมดเวลา 5 นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลได้เตะมุม ด้านซ้ายอาร์โนลด์เปิดบอล ลูกขลุกขลิหน้าประตู ก่อนฟีร์มีโน่ได้จังหวะ เหมือนมีดเสียบกลางดวงใจพาเลซ ลิเวอร์พูลนำและพาเลซไม่สามารถกลับมาได้เป็นครั้งที่สอง

เป็นประตูแรกของฟีร์มีโน่หลังยิงไม่ได้ติดต่อกัน 9 เกมจากทุกรายการ และเป็นอีกประตูใน 5 นาทีสุดท้ายที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลชนะอีกครั้ง มากกว่าทุกทีมในพรีเมียร์ ลีก

“ผมว่าเราเล่นดีที่สุดในฤดูกาลเลย เราเล่นดีนะ” ฮ็อดจ์สันกล่าวเมื่อจบเกม “เราควรได้ยินดีกันหากลูกทีมผมแบ่งแต้มจากจ่าฝูงได้ แต่ผมกล้าพอที่จะชื่นชมลูกทีม อย่างน้อยพวกเราพยายามเล่น เสียประตูท้ายเกมคือเรื่องน่าเสียดาย แต่มีอะไรดีๆจากเกมนี้ ซึ่งผมว่าดีที่สุดสำหรับเรานับแต่เปิดฤดูกาลเลย”

สำหรับคลอปป์เชื่อมั่นว่า ลิเวอร์พูลดีพอและเหมาะสมกับการเป็นผู้ชนะ “เราอาจไม่ผิดพลาดมากนัก พาเลซได้ประตูที่ดี เกมแรกจากเบรกทีมชาติเป็นเรื่องยาก เราต้องสร้างจังหวะกันใหม่ ผมดีใจที่เราได้ 3 แต้ม นั่นคือสิ่งสำคัญ ผมรู้ เราไม่มีทางเล่นดีได้ทุกนัดหรอก”

ลิเวอร์พูลไม่แพ้ติดต่อกัน 30 เกมในลีก ชนะ 25 เสมอ 5 นำห่างอันดับ 2 เลสเตอร์ 8 คะแนน ขณะที่แมนฯ ซิตี้ชนะเชลซี 2-1 ในวันรุ่งขึ้น กลับขึ้นมาเป็นที่ 3 ได้

11 ตัวจริง อลิซง โรเบิร์ตสัน ฟาน ไดค์ ลอฟเร็น อาร์โนลด์ ไวนัลดุม ฟาบินโญ่ เฮนเดอร์สัน มาเน่ ฟีร์มีโน่ อ๊อกซ์ (สำรอง โอริกี้แทนอ๊อกซ์ น 64 มิลเนอร์แทนเฮนเดอร์สัน น 79 และโกเมซแทนฟีร์มีโน่ น 89)

 

ตารางคะแนนจาก 13  นัด

1 ลิเวอร์พูล เล่น13 ชนะ12 เสมอ1 แพ้- ได้30 เสีย11 37คะแนน

2 เลสเตอร์ เล่น13 ชนะ9 เสมอ2 แพ้2 ได้31 เสีย8 29คะแนน

3 แมนฯ ซิตี้ เล่น13 ชนะ9 เสมอ1 แพ้3 ได้37 เสีย14 28 คะแนน

4เชลซี เล่น13 ชนะ8 เสมอ2 แพ้3 ได้28 เสีย19 26 คะแนน

แมนฯ ยูฯ เสมอเชฟฯ ยูฯที่บรามอลล์ เลน 3-3 อยู่ที่ 9

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี