#ไวรัสกันต่อ

แฟนบอลลิเวอร์พูลคงไม่คลายความกังวลจากสถานการณ์ที่สั่นคลอนเวลานี้

การที่ชีวิตตั้งอยู่บนความไม่แน่นอนนั้นเป็นเรื่องน่ากลัว เพราะเราไม่อาจคาดการณ์อะไรได้เลย

กระนั้นกังวลมากเกินไปก็ใช่เหตุ เดอะค็อปน่าจะมองย้อนกลับไปในฤดูกาลที่ผ่านมาว่าทีมรักของตัวเองสร้างผลงานน่าทึ่งขนาดไหน มันคือปรากฏการณ์ที่ไม่มีวันถูกลืมได้แน่

นอกจากนี้มันยังเกิดขึ้นในฤดูกาลที่มีเรื่องราวระดับสะเทือนไปทั้งโลก เป็นความปั่นป่วนที่ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยปีจะมีสักครั้ง

จะอย่างไรฤดูกาล 2019/20 ก็น่าจดจำ มันจะถูกบันทึกเอาไว้ในฐานะฤดูกาลที่มีความไม่ปกติที่สุดในวงการลูกหนังเกิดขึ้น

จะได้แชมป์หรือไม่ได้แชมป์ มันก็เป็นฤดูกาลที่ไม่มีใครลืมลง และเชื่อว่าหากลิเวอร์พูลโชคร้ายที่สุดจริงๆ คือฤดูกาลถูกตัดสินเป็นโมฆะ พวกเขาจะได้รับการเชิดชูว่าเป็นแชมป์ที่ไม่รับการบันทึก

จริงอยู่ว่ามันทดแทนแชมป์ที่เป็นทางการไม่ได้หรอก แต่แชมป์ของมหาชนนั้นอาจจะยิ่งใหญ่กว่าก็ได้

กระนั้นฤดูกาลจะถูกตัดจบเป็นโมฆะจริงหรือ ถ้าเราจะลองวิเคราะห์ให้ละเอียดอีกสักหน่อยมันก็มีโอกาสที่จะไม่เกิดเรื่องที่ว่าขึ้นเหมือนกัน

ถ้าสถานการณ์ของโควิด-19 เลวร้ายถึงขั้นระบาดไปทั่วโลกจนไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้ในเวลาที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกกำหนดคือ 3 เมษายน ขั้นตอนต่อไปควรจะเป็นอย่างไร

แน่นอนว่าคงมีการประชุมหาทางออกกันอีกครั้ง และศึกยูโร 2020 ที่น่าจะเลื่อนออกไปจากการประชุมของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) จะเป็นกุญแจสำคัญ

ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ คงไม่มีฟุตบอลลีกชาติไหนอยากตัดจบโดยแข่งขันกันไม่ครบ เพราะจะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาพอสมควรโดยเฉพาะอันดับหรือพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างแชมป์ โควต้าสโมสรยุโรป การเลื่อนชั้นหรือตกชั้น

ตรงนั้นเป็นจุดที่ต่อให้มีการพูดคุยในกลุ่มสโมสรสมาชิกก็ยังไม่รู้ว่าจะมีมติออกมาในทิศทางไหน แต่เชื่อว่าแต่ละลีกน่าจะมีตัวบทที่ตราเอาไว้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ว่าในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยอันทำให้ไม่สามารถทำการแข่งขันตามปกติต่อไปได้ จะมีวิธีการจัดการกับอันดับเหล่านี้อย่างไร

การลงมติน่าจะเป็นทางออก ส่วนต้องใช้เสียงสนับสนุนเท่าไหร่คงขึ้นอยู่กับแต่ละลีก และขึ้นอยู่กับความสำคัญของแต่ละหัวข้อ เช่นการลงมติเรื่องแชมป์ต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ หรือเสียง 2 ใน 3 หรือเสียง 3 ใน 4 หรือต้องเป็นเสียงเอกฉันท์ทุกเสียงอะไรทำนองนี้

กระนั้นถ้าศึกยูโร 2020 เลื่อนออกไปจะทำให้ข้อจำกัดตรงนี้ยืดหยุ่นไปได้มาก เพราะนั่นหมายถึงแต่ละลีกไม่เจอกำแพงยูโรบีบให้ต้องรีบตัดสินใจ ไม่มีเงื่อนไขเรื่องเวลาให้หนักใจ

ฤดูกาลสามารถหยุดยาวไปจนถึงเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนก็ยังได้ นั่นหมายความว่าพรีเมียร์ลีก บุนเดสลีกา ลา ลีกา กัลโช่ เซเรีย อา ลีกเอิง หรือลีกน้อยใหญ่ทั้งหลายสามารถรอดูสถานการณ์ได้ถึง 3 เดือนเต็มๆ ไม่ใช่แค่ 3 สัปดาห์อย่างการประกาศเลื่อนเบื้องต้น

ความอลหม่านในเวลานี้น่าวิตกก็จริง เพราะนี่คือช่วงที่ โควิด-19 เริ่มระบาดอย่างควบคุมไม่อยู่ ทว่าเมื่อทุกประเทศมีมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดอย่างจริงจัง ปิดล็อกพื้นที่เสี่ยงไล่ไปถึงปิดล็อกประเทศ ประกอบกับการสาธารณสุขและความเจริญทางการแพทย์ที่ระดมสรรพกำลังหาทางหยุดยั้งเจ้าไวรัสร้ายอย่างจริงจังทั้งโลก

ประชาชนเองก็เริ่มเข้าใจและปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมมากขึ้น ไม่ตื่นตระหนกอย่างที่กำลังเป็นอยู่ ดูแลตัวเอง ลดความเสี่ยงจากแนวทางป้องกันตนที่รัฐบาลของแต่ละประเทศแนะนำ

อัตราเสี่ยงต่างๆ จะลดลงอย่างรวดเร็ว แน่นอนในช่วงนี้อาจจะยังมีการแพร่ระบาดอยู่ แต่ความตื่นตัวและใช้ชีวิตประจำวันอย่างระมัดระวังเต็มที่ก็น่าจะทำให้สถานการณ์คงตัวรวมไปถึงเบาบางลงได้

ระยะเวลา 3 เดือนน่าจะมีโอกาสที่เราจะควบคุมมันได้ ลดระดับความน่ากลัวชนิดสะพรึงจนตื่นตกใจไปทั้งโลกให้กลับมาอยู่ในสภาวะที่ไม่น่ากลัวได้

และมาตรการที่จะนำมาใช้ในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนก็จะยังมีอีกหลายระดับ ตั้งแต่ระดับเต็มขีดจำกัดคือเปิดให้แฟนบอลเข้าชมเต็มสนามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไปจนถึงเตะกันในสนามปิด ลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดอีกครั้ง (ซึ่งเวลานั้นอาจจะมีตัวยารักษาออกมาแล้วก็ได้)

จะอย่างไรแต่ละชาติก็น่าจะตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะต้องเข็นการแข่งขันฟุตบอลลีกของตัวเองไปให้จบฤดูกาลให้ได้ แม้ต้องเตะแบบไม่มีคนดูก็ต้องทำ

เพราะฉะนั้นด้วยมุมมองนี้และความเป็นไปได้ที่จะเกิดช่องว่างในเดือนมิถุนายนจากการหลีกทางให้ของศึกยูโร 2020 การที่ลีกต่างๆ จะถูกตัดจบทันทีหรือตัดสินให้เป็นโมฆะจึงอาจจะยังเป็นทางออกหลังๆ

สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นจึงอาจจะเป็นการยกเกมลีกมาเตะในเดือนมิถุนายน ยืดเวลาจาก 3 สัปดาห์เป็น 3 เดือน

ณ ตอนนั้นถ้าสถานการณ์ทรงตัวแล้วไม่น่ากลัวแล้ว จะเป็นการรีซีซั่นแบบฟูลสตรีมคือมีแฟนบอลเข้าชมเกมในสนามตามปกติ

หากถ้ายังไม่ถึงระดับนั้นอาจจะเป็นวิธีเตะแบบปิดสนาม ซึ่งอาศัยการควบคุมในวงที่แคบกว่ามาก

เชื่อว่าทุกสโมสรจะต้องได้รับโจทย์อย่างเดียวกันหมดว่า รักษาความพร้อมของนักฟุตบอลและทีมสตาฟฟ์ให้ดีที่สุด อีก 3 เดือนข้างหน้านั้นพ้นระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสแล้ว ทุกทีมสามารถลงเตะได้โดยปราศจากความกังวลเรื่องระบาด

เพราะในสนามไม่มีแฟนบอลเข้าชม นักเตะที่ผ่านมาเตรียมตัวรับมือเรื่องโควิด-19 ก็เล่นกันในสนามปิด ไม่มีความเสี่ยง ไม่จำเป็นต้องตัดจบ ไม่จำเป็นต้องตีตราโมฆะ

นั่นคือความเป็นไปได้ที่น่าจะเกิดขึ้น หรือต่อให้ล้นไปกว่านั้นต้องตัดจบฤดูกาลเข้าจริงๆ ก็ยังน่าจะต้องมีการลงมติในเรื่องละเอียดอ่อนเฉพาะประเด็นกันไปทั้งเรื่องแชมป์ พื้นที่สโมสรยุโรป การเลื่อนชั้น-ตกชั้น

ยังไม่ถึงระดับโมฆะอยู่ดี

สิ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูลบางคนกำลังกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับจึงยังไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เมื่อพิจารณาถึงรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้

ได้แต่ปลอบอกปลอบใจกันไป ช่วงนี้อย่าเพิ่งห่วงเรื่องทีมรักเลย ห่วงตัวเองและคนที่เรารักดีกว่า

อย่าทำให้ตัวเองเสี่ยงติดเชื้อโดยไม่จำเป็น ล้างมือให้เยอะๆ ถ้ามีความเสี่ยงก็กักตัวเองอยู่บ้าน ถ้าติดเชื้อแล้วก็ไปโรงพยาบาลรักษา

คนรักษาหายมีมากกว่าคนรักษาไม่หายหลายเท่า อัตราการตายยังน้อย ไม่ถึงกับพูดได้ว่าเป็นไวรัสมรณะ ติดแล้วตายแน่นอนอะไรขนาดนั้น

เป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ แล้วกลับมาดูฟุตบอลที่รักได้เป็นปกติเหมือนเดิมโดยเร็ว

ป้าพล็อต

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความก่อนหน้า :: บทความลิเวอร์พูล