#ไมเคิ่ล เอ๊ดวาร์ดส์ ทีมหนุนทีม 2

ไมเคิ่ล เอ๊ดวาร์ดส์ ทีมหนุนทีม 2

การเมืองนอกสนามแอนฟิลด์มีส่วนทำให้ร็อดเจอร์สตกงาน หลังรั้งตำแหน่ง 5 ปี เขาอาจต้องทำใจยอมรับว่าประมาทอดีตเพื่อนร่วมงานมากไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลิเวอร์พูลตัดสินใจซื้อโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่จากฮอฟเฟนไฮม์ด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ ร็อดเจอร์สไม่อยากได้    ฟีร์มีโน่ แต่แบร์รี่ ฮันเตอร์ หัวหน้าแมวมองของลิเวอร์พูลเฝ้าติดตามบ๊อบบี้ในเยอรมัน และตัวเลขชัดเจนว่าเพราะอะไร เขาเป็นนักเตะบราซิลในยุโรปที่ผลงานดีสุดเป็นลำดับสอง การมีบทบาทกับ 45 ประตูในบุนเดสลีกา ตลอดสองฤดูกาลจนถึงปี 2015

 

ผลงานของบ๊อบบี้เป็นรองแค่เนย์มาร์ แต่ร็อดเจอร์สไม่คิดเช่นนั้น เริ่มด้วยการให้ฟีร์มีโน่เล่นปีกขวา การเซ็นสัญญากับมาริโอ บาโลเตลลี่ คือคำตอบว่าร็อดเจอร์สต้องการงัดกับเอ๊ดวาร์ดส์ ผจก. เอาอนาคตของตัวเองมาเสี่ยงกับนักเตะที่แม้แต่โจเซ่ มูรินโญ่ยังบอกว่า ไม่สามารถควบคุมได้

 

ลิเวอร์พูลขายหลุยส์ ซัวเรซไปบาร์เซโลน่าก่อนฤดูใหม่เริ่มต้นแค่ 1 สัปดาห์ ลิเวอร์พูลลงทีมซ้อมแล้วพบว่า อดัม แลมเบิร์ตไม่ดีถึงระดับที่ลิเวอร์พูลต้องการ บาโลเตลลี่พร้อมย้ายทีม ซามูเอล เอโต้ก็เช่นกัน ลออิก เรมี่ไม่ผ่านการตรวจร่างกายและร็อดเจอร์สพยายามเร่งเครื่องสร้างความกดดันภายในสโมสร

 

“เขา(ร็อดเจอร์ส) แสดงอำนาจฐานะคนตัดสินใจขั้นสุดท้าย” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของทีมกล่าว “ฝ่ายบริหารสโมสรเลยตกลงตามที่เขาต้องการ บาโลเตลลี่ไม่ใช่นักเตะที่เหมาะกับลิเวอร์พูล แต่เมื่อผจก. ยืนยัน ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างร็อดเจอร์สกับสโมสรเกือบถึงทางตันสำหรับการซื้อนักเตะอีก2-3 ราย “เอาแบบนี้ หรือไม่ก็แยกย้ายจากกัน ผมต้องการนักเตะคนนี้ และคุณต้องหนุนหลังผมในฐาน ผจก. เราขายซัวเรซไป และนี่คือสิ่งที่จำเป็นต้องทำ”

 

“ฝ่ายบริหารบอกว่า เอาล่ะไม่เป็นไร แต่หลักการทำงานของเรา หากเราซื้อตัวผิดพลาด ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ถ้าคุณต้องการตัดสินใจคนเดียว ดังนั้น คุณต้องรับผิดชอบคนเดียว เขาตอบสโมสรว่า ไม่เป็นไร ผมเอาตามนั้น เมื่อฤดูกาลต่อมา ทีมผลงานไม่ดี ร็อดเจอร์สโดนปลด ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งบอกว่า สโมสรไม่จำเป็นต้องปลดร็อดเจอร์สก็ได้ แม้ผลงานไม่ดี หากเขายอมตามหลักการของสโมสรคือรับผิดชอบร่วมกันทุกการตัดสินใจ”

 

มีคนถามแบร์รี่ ฟรายว่าจำไมเคิ่ล เอ๊ดวาร์ดส์ในฐานะนักเตะได้หรือไม่ อดีต ผจก. ปีเตอร์โบโร่ยอมรับว่า จำไม่ได้จริงๆ

 

“ผมอายนะที่จะบอกว่า จำไม่ได้ ผมอยู่กับสโมสรมา 25 ปี แต่กลับจำเด็กคนนั้นไม่ได้เลย” ปัจจุบัน ฟรายเป็นผู้อำนวยการสโมสรแห่งหนึ่ง ในลีกวัน

 

เอ๊ดวาร์ดส์เริ่มฝึกฟุตบอล ณ อาแคเดอมี่แห่งหนึ่งในเซาแธมป์ตันก่อนย้ายไปปีเตอร์โบโร่ จนกระทั่งได้เซ็นสัญญานักเตะฝึกหัดที่ลอนดอน โร้ด นานสองฤดูกาล “เขาอาจไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่ทุ่มเท” อดีตเพื่อนร่วมทีมพูดถึงเอ๊ดวาร์ดส์สมัยเล่นฟุตบอล “เป็นนักเตะคนหนึ่งในทีม ทำทุกอย่างเต็มกำลัง เขาไม่ใช่นักเตะที่จะเด่นดัง แต่ไว้ใจได้ และฉลาดมาก จนเหมือนแก่เกินวัย ไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือทำอะไร บอกได้ว่าเขาสมองดีมาก”

 

ปกติ เอ๊กวาร์ดส์เล่นแบ็คขวา บางทีเล่นมิดฟิลด์รับ แม้ไม่ใช่นักเตะที่เสียงดังเวลาอยู่ในเกม แต่ครั้งหนึ่งเขาต่อว่าเพื่อนร่วมทีมสองคนที่คิดว่าตัวเอง สำคัญกว่าคนอื่น “ละแวกเราอยู่มีสองมหาวิทยาลัย” อดีตนักเตะปีเตอร์โบโร่อีกคนระลึกความหลัง “พวกเราบางคนถ้าสมองไม่ดีนักจะเรียนที่ฮันติงดอน คอลเลจ ส่วนไมเคิ่ลไปเคมบริดจ์ เที่ยวบ้างพักผ่อนบ้างพร้อมเพื่อนๆที่ฉลาด สัปดาห์ละวัน เขาเรียนดีมาก และในสนามเอ๊ดวาร์ดส์เข้าใจเกมดี”

 

ในที่สุด เอ๊ดวาร์ดส์ต้องอำลาปีเตอร์โบโร่โดยไม่ได้เล่นทีมชุดใหญ่แม้แต่นัดเดียว แล้วมุ่งหน้าสู่เส้นทางใหม่ เขากลับไปลงทะเบียเรียนมหาวิทยาลัย จนปริญญาบริหารธุรกิจและสารสนเทศ ก่อนกลับมาเป็นครูแถวปีเตอร์โบโร่ เพื่อนๆรู้สึกว่า เขาอยากเล่นฟุตบอลและไม่จริงจังกับงานใหม่สักเท่าไร

 

ช่วงเวลาสำคัญของเอ๊ดวาร์ดส์เกิดขี้นในปี 2003 เมื่อปอร์ทสมัธเซ็นสัญญากับโปรโซน บริษัทให้บริการข้อมูลด้านฟุตบอล เซาแธมป์ตันเซ็นสัญญากับอดีตเพื่อนร่วมทีมของเอ๊ดวาร์ดส์ คือไซม่อน วิลสัน มาดูแลงานด้านนี้

 

“ผมบอกไซม่อนว่าเราได้สัญญาทำงานกับปอร์ทสมัธ ต้องการนักวิเคราะห์” แบร์รี่ แม็คนีล ผจก ด้านพัฒนาธุรกิจของโปรโซนในขณะนั้น “ไซม่อนบอกชื่อเพื่อนๆมา 2-3 คน ก่อนสรุปว่า มีคนหนึ่งที่อาจไม่มีความสุขกับงานปัจจุบัน น่าลองคุยดู”

 

ขณะนั้นเอ๊ดวาร์ดส์อายุ 20 กว่าๆ “เรารู้ว่าเขาเป็นครูด้านไอที ไม่ค่อยกระตือรือร้นอยากเป็นครูสักเท่าไร ผมสัมภาษณ์เขาแถวเซอร์วิส สเตชั่น (จุดแวะพัก ซึ่งมีร้านอาหารและปั้มน้ำมัน) ระหว่างปีเตอร์โบโร่กับถนนเอ็ม วัน ผมอธิบายให้เขาฟังว่า โปรโซนคืออะไร ให้เขารู้จักเทคโนโลยี ไม่ถึงเดือนต่อมา เอ๊ดวาร์ดส์ไปประจำที่สนามซ้อมปอร์ทสมัธ” แบร์รี่ แม็คนีลเล่าถึงการคุยกับเอ๊ดวาร์ดส์

 

เอ๊ดวาร์ดส์อาจไม่สนุกกับการเป็นครู แต่แม็คนีลคิดว่า การเป็นครูมีส่วนทำให้เอ๊ดวาร์ดส์เป็นแบบทุกวันนี้ “สองปีแรกในการเป็นครูถือว่างานหนักมาก คุณทำงานแบบงง ไร้ทิศทาง ดังนั้นคุณต้องเข้มแข็ง หากจุดยืนให้เจอ และเป็นการเตรียมตัวที่ดีสำหรับเอ๊ดวาร์ดส์”

 

ณ เวลานั้น ข้อมูลเป็นเรื่องใหม่ของฟุตบอล ผิดกับปัจจุบัน เพื่อนนักวิเคราะห์คนหนึ่งของเอ๊ดวาร์ดส์บอกว่า “มีแค่เดอะ ซัน ฉบับวันจันทร์เท่านั้นที่ตีพิมพ์สถิติต่างๆ”

 

ผู้ช่วยของเร้ดแน็ปป์ที่ปอร์ทสมัธ จิม สมิธ บอกผจก.ว่า น่าลองใช้โปรโซน จิม สมิธเป็น ผจก. ทีมคนแรกที่ใช้งานระบบข้อมูลนี้เมื่อคุมดาร์บี้ เคาน์ตี้ สตีฟ แม็คลาเร็น เคยเป็นผู้ช่วยของสมิธ นำโปรโซนไปใช้เมื่อทำงานที่แมนฯ ยูฯ แซม อัลลาไดซ์กับโบลตัน วันเดอเรอร์สก็ให้ความสำคัญกับข้อมูล ทันทีที่ข่าวหลุดไปว่า เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันยอมรับระบบนี้ สโมสรอื่นก็ทำตามทันที

 

“ผมต้องอยู่ในห้องทำงานของแซม อัลลาไดซ์หลังเกม” แม็คนีลเล่า “หากพวกเขาชนะปอร์ทสมัธ แซมจะบอกแฮร์รี่ว่า ทำบ้าอะไรอยุ่ ทำไมไม่ใช่โปรโซนบ้าง จ่ายเท่ากับซื้อนักเตะถูกๆคนหนึ่งเท่านั้น แซมชอบทำให้คนอื่นเสียหน้าก่อนยอมรับระบบใหม่นี้ แฮร์รี่ไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลงเท่าไร จนกระทั่งจิม สมิธคะยั้นคะยอนั่นแหละ”

 

ผ่านไประยะหนึ่ง แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ก็ยอมใช้ระบบข้อมูลต่างๆ

 

“มีเรื่องเล่าที่โจษจันเรื่องหนึ่ง เอ๊ดดี้พยายามอธิบายแฮร์รี่ให้เข้าใจ” อดีตเพื่อนร่วมงานของเอ๊ดวาร์ดส์เล่า “มันคือตำนานของวงการวิเคราะห์ข้อมูล แฮร์รี่ถามว่า คอมพิวเตอร์คุณรู้ไหมว่า วันนี้เราจะชนะหรือไม่ เอ๊ดดี้ตอบว่า รู้แบบทีเล่นทีจริง เมื่อทีมแพ้ แฮร์รี่บอกว่า คราวหน้าเอาคอมพิวเตอร์คุณลงสนามดีไหม ไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่พวกเราก็เล่าต่อกันเรื่อยๆ”

 

ช่วงแรกที่เอ๊ดวาร์ดส์ทำงาน เร้ดแน็ปป์โทรเรียกนักวิเคราะห์ไปห้องทำงานเพราะไม่สามารถดึงข้อมูลจาก CD-ROM ปรากฏว่า ที่เปิดไม่ได้เพราะเร้ดแน็ปป์เอาแผ่นซีดีดังกล่าวไปเปิดในเครื่องเล่น CD ติดรถยนต์

 

เอ๊ดวาร์ดส์มีห้องทำงานของตัวเอง เขาขลุกอยู่กับนักเตะโดยไม่รู้สึกแปลกแยกอะไร “บนรถบัสของทีม เขาจะเล่นมาริโอ คาร์ตกับนักเตะ” แกรี่ โอนีล อดีตมิดฟิลด์ปอร์ทสมัธเล่า “เราอาจจัดลีกแข่งกัน 8 คนและเอ๊ดดี้จะเล่นด้วย เขาวางตัวดี เขาไม่เที่ยวร่วมกับนักเตะ ในฐานะสตาฟของทีม แต่เป็นเพื่อนที่ดี เขายังมางานแต่งงานผมเลย”

 

โอนีลจำได้ว่าเร้ดแน็ปป์ไม่ถนัดเรื่องตัวเลข สถิติสักเท่าไร “เราไม่เคยใช้มันเลย” แต่เอ๊ดวาร์ดส์ต้องทำอะไรได้ดีถูกใจเขา เมื่อเร้ดแน็ปป์ไปคุมสเปอร์สในปี 2009 เอ๊ดวาร์ดส์เป็นหนึ่งในสตาฟที่นั่น “ไมเคิ่ลมาอยู่ปอร์ทสมัธเป็นนักวิเคราะห์แบบเด็กมาก” เร้ดแน็ปป์พูดถึง “ผมจำเกมสำคัญได้ ปีที่เราเลื่อนชั้น 2005/06 ไปเยือนฟูแล่ม เราอยู่รองบ๊วย เขาเอาวิดีโอมาเปิดให้ทุกคนดูบนรถทีม ตอนแรกเขาไม่กล้าเปิด เพราะเหมือนกับจะมีอะไรล้อเลียนผม แต่ผมว่าสนุกดี เขานิสัยดี เมื่อผมไปคุมท็อตแน่ม ผมเลยดึงเขาไปทำงานด้วย”

 

เอ๊ดวาร์ดส์อยู่ที่ไวต์ ฮาร์ท เลนเกือบสองปี ก่อนเดเมี่ยน โคมอลลี่ ไดเรคเตอร์ ออฟ ฟุตบอลของลิเวอร์พูลในเวลานั้นดึงเขาไปร่วมงานที่ลิเวอร์พูล เพราะ FSG ต้องการวางพื้นฐานด้านข้อมูล เหมือนที่ใช้กับบอสตัน เร้ดซ็อกซ์ในเมเจอร์ ลีก

 

โคมอลลี่เคยทำงานกับสเปอร์ส ซึ่งประธานสโมสร แดเนี่ยล เลวี่ อาจไม่พอใจเท่าไรเมื่อลิเวอร์พูลเตรียมดึงทรัพยากรสำคัญไปจากสเปอร์สอีกครั้ง

 

ตอนนั้น สเปอร์สเซ็นสัญญากับบริษัทบริการข้อมูล ดีซิสชั่น เทคโนโลยี่ และลิเวอร์พูลพยายามเจรจากับบริษัทเพื่อระบบเดียวกัน แต่เอ๊ดวาร์ดส์ยืนยันกับเจ้านายว่าไม่จำเป็น แค่เจรจากับดร.เอียน แกรม นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลคนเดียวก็พอที่จะบริหารจัดการข้อมูลได้

 

เอ๊ดวาร์ดส์และแกรมบินไปบอสตัน แมสซาชูเช็ตต์เพื่อร่วมประชุมด้านข้อมูลด้วยไฟลต์เดียวกัน ตลอดเวลา 8 ชั่วโมง ที่ความสูง 32,000 ฟิต เอ๊ดวาร์ดส์โน้มน้าวให้แกรมตัดสินใจมาลิเวอร์พูล เพื่อเป็นหัวหน้าทีมวิจัย การเจรจาง่ายขึ้นเพราะแกรมเชียร์ลิเวอร์พูลตั้งแต่เด็กๆ แกรมได้ปริญญาเอกสาขาทฤษฎีฟิสิกซ์จากเคมบริดจ์ แจ้งสเปอร์สเมื่อกลับอังกฤษหลังการประชุมว่า เขาตัดสินใจไปทำงานกับลิเวอร์พูล ในแผนก วิจัยและวิเคราะห์ข้อมูล ณ เมลวู้ด มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเตะใหม่ วิทยาศาสตร์การกีฬา การแพทย์และการเงิน แกรมทำงานกับวิลล์ สเปียร์แมน บัณฑิตจากฮาร์วาร์ดซึ่งเคยทำงานกับยูโรเปี้ยน ออร์แกไนเซชั่น ฟอร์ นิวเคลียร์ รีเซิร์ช

 

แดเนี่ยล ฟิงเคลสตีน เคยทำงานกับแกรม และดีซิสชั่น เทคโนโลยี่ เพื่อบทความเขาในคอลัมน์ ฟิงค์ แทงค์ของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง บอกว่า เจ้าของทีมลิเวอร์พูลและเอ๊ดวาร์ดส์คือต้นคิดดึงแกรมมาลิเวอร์พูล “เมื่อจอห์น ดับเบิลยู เฮนรี่ จาก FSG ซื้อลิเวอร์พูล เขามาที่สำนักงานของดีซิสชั่น เทคโนโลยี่ จอห์นต้องการจ้างดีซีสชั่น เทคโนโลยี่มาทำให้งานให้ลิเวอร์พูล ติดที่บริษัทมีสัญญากับสเปอร์ส เอียนตัดสินใจรับงานที่ลิเวอร์พูลโดยลำพัง ซึ่งคนในบริษัทเห็นดีด้วย เขาวางระบบให้บริษัทมา 10 ปี ก่อนร่วมงานกับลิเวอร์พูล ถือว่าลิเวอร์พูลได้คนที่มีพรสวรรค์มาก”

 

คืนที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ครั้งแรกนับจากปี 1990 แน่นอนแล้ว เอ๊ดวาร์ดส์แยกตัวจากทีมฟุตบอล แต่อยู่กับทีมงานของเขา ทั้งแมวมองและนักวิเคราะห์ทั้งหลาย ในปาร์ตี้ในสวนหลังบ้านของจูเลี่ยน วอร์ด คนที่ดูแลเรื่องการยืมตัวนักเตะของลิเวอร์พูล เพื่อดูเกมระหว่างเชลซี-แมนฯ ซิตี้ พวกเขาฉลองร่วมกัน ทีมที่อยู่เบื้องหลังทีม

 

เหมือนแฟนบอลลิเวอร์พูลทั่วไป เมื่อพวกเขาเปิด LFC TV ดูสารคดีความยาว 3 นาที ซึ่งลิเวอร์พูลเตรียมไว้เพื่อการฉลองแชม์โดยเฉพาะ คลอปป์พูดถึงเพลง You’ll never walk alone มันหมายถึงอะไร และเพื่อนร่วมงานของเขาทุกคนนำปรัชญานี้ไปปฏิบัติงาน ว่ากันว่า หากมีใครชวนเอ๊ดวาร์ดส์มาสัมภาษณ์ได้ เขาคงชื่นชมแกรม เช่นเดียวกับทีมงานที่ประกอบด้วย ฮันเตอร์ หัวหน้าแมวมอง เดฟ ฟอลโลว์ หัวหน้าทีมหานักเตะ และหัวหน้าโครงการฟุตบอล เดวิด วู้ดไฟน์

 

ฟอลโลว์ เคยทำงานที่โปรโซนกับอัลลาไดซ์ ขณะที่วู้ดไฟน์ทำงานกับเอ๊ดวาร์ดส์อย่างยาวนานที่ปอร์ทสมัธ ฮันเตอร์ ฟอลโลว์สและวาร์ด เป็นเพื่อนร่วมงานที่แมนฯ ซิตี้ และเอ๊ดวาร์ดส์ดึงมาลิเวอร์พูล เมื่อเจ้าของทีมมอบภารกิจให้สร้างแผนกค้นหานักเตะเมื่อปี 2012 เอ๊ดวาร์ดส์เป็น สปอร์ติ้ง ไดเรคเตอร์คนแรกของลิเวอร์พูลในปี 2016 หนึ่งปีหลังจากคลอปป์เป็น ผจก ซึ่งไมค์ กอร์ดอน ประธาน FSG พอใจผลงานของเอ๊ดวาร์ดส์ครั้งมีตำแหน่งผู้อำนวยการทีมวิเคราะห์และเทคนิค

 

นี่คือความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม มีพื้นฐานจากสถิติ ลิเวอร์พูลใช้จ่ายสุทธิเรื่องนักเตะแค่ 92.4 ล้านปอนด์ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา น้อยกว่าวัตเฟิร์ด ไม่ถึงครึ่งของไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน หรือแอสตัน วิลล่า น้อยกว่านิวคาสเซิ่ลของไมค์ แอชลี่ย์ตั้งมากมาย มีแค่คริสตัล พาเลซ เชฟฟิลด์ ยูฯ เซาแธมป์ตันและนอริชที่ใช้จ่ายสุทธิในรอบ 5 ปีน้อยกว่าลิเวอร์พูล ขณะที่แมนฯ ซิตี้ใช้จ่ายสุทธิ 505.6 ล้านปอนด์ และแมนฯ ยูฯ 378.9 ล้านปอนด์

 

“สถิติของลิเวอร์พูลเรื่องนี้น่ากลัวมาก” นักวิเคราะห์คนหนึ่งกล่าว “แทบไม่เคยผิดพลาดเลยเรื่องซื้อนักเตะ ผมไม่คิดว่า จะมีใครถูกตลอด หรือเก่งจนาดนั้น คุณตัดสินใจถูกต้อง 15 จาก 15 ครั้งที่ซื้อนักเตะ ไม่มีทาง แต่เอ๊ดวาร์ดส์ทำได้ดีกว่านั้น บางทีสักวันเขาจะผิดพลาดบ้าง”

 

สถานการณ์ของเอ๊ดวาร์ดส์ไม่ดีนักในปี 2017 แฟนบอลลิเวอร์พูล รณรงค์ออนไลน์ให้สโมสรปลดเอ๊ดวาร์ดส์ มีคนเห็นด้วย 36 โหวต มีคอมเมนต์ว่า “เขาไร้ประโยชน์ ไร้ค่าจริงๆ ไม่ได้เรื่อง”

 

เอ๊ดวาร์ดส์เป็นคนยืนยันเมื่อบาร์เซโลน่าซื้อคูตินโญ่ว่า ต้องมีเงื่อนไขหนึ่งคือ หากทีมแห่งคาตาลันจะซื้อนักเตะลิเวอร์พูลอีกคนภายใน 2 ปี จากนั้น พวกเขาต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 100 ล้านปอนด์ เอ๊ดวาร์ดส์คุยกับเพื่อนร่วมงานว่า ช่วงนั้นถึงปี 2018 เรอัล มาดริด สนใจซาลาห์ ฟีร์มีโน่และมาเน่ ลิเวอร์พูลสยบทุกอย่างด้วยการต่อสัญญากับนักเตะทั้ง 3 คน และไม่ระบุเงื่อนไขค่าฉีกสัญญาด้วย

 

เอ๊ดวาร์ดส์ไม่เดือดร้อนเมื่อเอ็มเร่ ชานไม่ต่อสัญญาใหม่ เขาบอกสโมสรว่าเดี๋ยวจะหาตัวแทนให้ แต่ต้องระบุค่าฉีกสัญญา มีการต่อรองระหว่างลิเวอร์พูลกับชาน แต่เอ๊ดวาร์ดส์ไม่ยอม เขาปล่อยให้ชานย้ายไปโดยไม่มีค่าตัว ดีกว่ายอมให้นักเตะเรียกร้องอะไรก็ได้

 

สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงคือ แม้เอ๊ดวาร์ดส์จะไม่ค่อยพูด แต่เมื่อถึงการทำงานเขาพร้อมแสดงความเห็น

 

“ผมไม่รู้เลยว่าเขาทำได้ดีแค่ไหน” อดีตเพื่อนร่วมทีมปีเตอร์โบโร่บอก “จนกระทั่งเห็นเขาทางทีวี ผมตะลึงมาก นั่นเขาเอง เขากับลิเวอร์พูล”

 

“คุณต้องไม่เชื่อว่า เด็กผอมๆที่โต๊ะของโปรโซนกับปอร์ทสมัธจะก้าวไปเป็นคนสำคัญของสโมสรใหญ่สุดของโลก” โอนีลพูด

 

เขาชอบเก็บตัว แม้กระทั่งการฉลองของทีม เมื่อได้แชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ณ วันด้า เมโทรโปลิตาโน่ แมดริด เมื่อปี 2019 เหมือนที่เคยได้เมื่อปี 2005 ณ อิสตันบูล 1977 และ 1984  ที่โรม 1978 ที่เวมบลี่ย์และ 1981 ที่ปารีส

 

คลอปป์เรียกให้สตาฟทุกคนขึ้นมาบนโพเดี้ยม แต่เอ๊ดวาร์ดส์พอใจกับการอยู่ริมๆ ถ่ายภาพกับแฟนบอลลิเวอร์พูล เขาปลอบโยนนักเตะและอดีตเพื่อนร่วมงานที่ท็อตแน่ม และแดเนี่ยล เลวี่ รวมถึงเชิญให้เจ้าหน้าที่จัดชุดแข่งของลิเวอร์พูลได้ถ่ายภาพกับถ้วยแชมป์

 

จากนั้น บุรุษที่เงียบที่สุดในแอนฟิลด์ ปลีกตัวหายไปแบบไร้ร่องรอยเหมือนที่เขาทำเป็นประจำ

.

.

บทความโดย กิตติกร อุดมผล

Facebook fanpage: Captain No.12

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความก่อนหน้า :: บทความลิเวอร์พูล