บันทึก 2019-20 ยุติการรอคอย 30ปี ของลิเวอร์พูล 

ใครจะคิด หลังจากอลัน แฮนเซ่นชูถ้วยชนะเลิศดิวิชั่น 1 เมื่อพฤษภาคม 1990

ลิเวอร์พูลต้องรออีก 30 ปีถึงมีสิทธิ์เรียกตัวเองว่า แชมเปี้ยนของอังกฤษอีกครั้ง

ใครจะคิด หลังจากอลัน แฮนเซ่นชูถ้วยชนะเลิศดิวิชั่น 1 เมื่อพฤษภาคม 1990

สโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของประเทศและยุโรป แบกความทุกระทมอย่างแสนสาหัส จากที่การคว้าแชมป์ลีกเป็นเรื่องง่าย 10 ครั้งใน 15 ปี ระยะห่างระหว่างครั้งที่ 18 กับ 19 นาน 3 ทศวรรษ

และความผิดหวังจากฤดูกาล 2018-19 คงรุนแรงมากกว่านี้ ลิเวอร์พูลพลาดตำแหน่งแชมป์ลีกแค่ 2 คะแนน 97 คะแนนยังเป็นแต้มสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ในยุคของพรีเมียร์ ลีก หากคุณได้ 90 คะแนนเพียงพอสำหรับการเป็นแชมป์ได้หลายครั้ง (ค่าเฉลี่ยของการคว้าแชมป์ลีกอยู่ที่ 86.9 คะแนน) แต่ลิเวอร์พูลทำได้ 97 คะแนนยังเป็นรองแมน ฯซิตี้ ที่ทำได้ 97 คะแนน

98 บรรทัดฐานที่ลิเวอร์พูลต้องทำให้ดีกว่าหรือเทียบเท่า คงไม่ใช่เรื่องง่ายแม้ลิเวอร์พูลสามารถชนะท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ก่อนปิดฤดูกาล และเยอร์เก้น คลอปป์ไม่ซื้อนักเตะชื่อดัง ค่าตัวแพง ผิดกับทุกฤดูกาลนับตั้งแต่เขาคุมทีมเมื่อตุลาคม 2015 เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์กและฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์คือการลงทุนเพื่ออนาคต ขณะที่อาเดรียนและแอนดี้ โลเนอร์แกน เข้ามาเพื่อทดแทนซิมง มินโญเลต์ที่ตัดสินใจย้ายทีมแบบกระทันหัน

แม้เดอะ ค็อปจะเชื่อมั่นแบบที่เยอร์เก้น คลอปป์พยายามเปลี่ยนแนวคิดของแฟนบอลกับทีม แต่อดคิดไม่ได้ว่า ทีมแค่นี้จะพอสู้กับแมนฯ ซิตี้ ซึ่งเหมือนกับมีทุนมากมาย ไม่มีวันหมด เช่นเดียวกับฟุตบอลของเป็ป กวาดิโอล่าที่พิสูจน์แล้วว่า พวกเขาทำได้

หลังจากเริ่มต้นด้วยเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ลิเวอร์พูลเล่นดี แต่ก็แพ้แมนฯ ซิตี้อีกครั้ง จากนี้คือการผจญภัยของลิเวอร์พูลตลอดทั้ง 38 นัด

แม็ทช์เดย์ 1 9 สิงหาคม 2019

Liverpool 4 Norwich 1

เยอร์เก้น คลอปป์เน้นกับทุกคน แชมเปี้ยนส์ ลีกคืออดีต ลิเวอร์พูลต้องเล่นเหมือนแชมเปี้ยน แต่ไม่ใช่เล่นเพื่อฉลองความสำเร็จ หากลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี

พรีเมียร์ ลีกของนอริชเริ่มต้นอย่างน่าผิดหวัง เมื่อแกรนต์ แฮนลี่ย์ทำเข้าประตูตัวเอง ก่อนโม ซาลาห์  เวอร์จิล ฟานไดค์และดิว็อค โอริกี้ช่วยกันทำคนละประตูให้ลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะได้เด็ดขาดตั้งแต่หมดครึ่งแรก เหลือแค่บ่ายที่ชอกช้ำแสนยาวนานให้นอริชครุ่นคิดระหว่างพักครึ่ง แต่ใช่ว่าเดอะ ค็อปจะสบายใจเพราะ อลิซง เบ๊คเกอร์ ด่านสุดท้ายที่ช่วยชีวิตลิเวอร์พูลหลายต่อหลายครั้งบาดเจ็บ และไม่รู้ว่าเขาต้องพักนานแค่ไหน

ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีเหมือนฤดูกาลที่ผ่านมา เวอร์จิล ฟาน ไดค์บัญชาการเกมรับ และโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ สอนเชิงลูกหนังให้นักเตะนอริชด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของนักเตะบราซิล ความไหลลื่นของเกมอันเป็นเครื่องหมายการค้าของลิเวอร์พูลในฤดูกาลที่ผ่านมา ปรากฏชัด ไม่ต้องเสียเวลาอุ่นเครื่องนาน

หากเป็นเมื่อก่อน ลิเวอร์พูลอาจนำถ้วยชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพมาพาเหรดที่แอนฟิลด์ก่อนเกม แต่คราวนี้คลอปป์ปฏิเสธ “ไม่ต้องมีใครแสดงความยินดีกับผมอีกแล้ว” เขากล่าวถึงเหตุผล “นี่คือฤดูกาลใหม่ และเราเริ่มต้นอีกครั้ง” สิ่งที่เขาอยากบอกนักเตะคือ เพื่อความสำเร็จที่ถวิลหา ทุกคนต้องปีนภูเขาสูง คลอปป์และนักเตะคือตำนาน พวกเขาสร้างประวัติศาสตร์สำเร็จแล้ว แต่นั่นไม่หมายความว่า ลิเวอร์พูลจะประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง แชมป์พรีเมียร์ ลีก ครั้งแรก

ครึ่งหลังลิเวอร์พูลสร้างโอกาสได้ แต่ยิงไม่ได้ มีแต่นอริชได้ประตูจากทีมู พุคกี้ ซึ่งคลอปป์บอกว่า “นอริชทีมนี้พร้อมเสี่ยง และน่ากลัวเหมือนปีศาจจากขุมนรก” ดาเนี่ยล ฟาร์เค่ ผจก. ชาวเยอรมัน สร้างประวัติศาสตร์ให้พรีเมียร์ ลีก จัดนักเตะเครือจักภรพอายุไม่ถึง 21 ลงสนาม 4 คน พยายามต่อบอลจากแดนหลัง ซึ่งพวกเขาประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์จากฤดูกาลที่ผ่านมาได้

ฟาร์เค่บอกว่า เขาเช็คสถิติของสองทีมเมื่อจบครึ่งแรก และพบว่า ทุกอย่างสูสี โอกาสยิง ลิเวอร์พูล 6 นอริช 7 ครองบอล ลิเวอร์พูล 56.5 นอริช 43.5 การผ่านบอลลิเวอร์พูล 256 นอริช 208 ข้อแตกต่างสำคัญคือ ลิเวอร์พูลได้ 4 ประตู

ลิเวอร์พูลนำ 3-0 เมื่ออลิซงบาดเจ็บ เพราะลื่นขณะพยายามเตะบอล เขานอนกุมขาขวาบนพื้น ซึ่งต่อมาคลอปป์เปิดเผยว่า เป็นการบาดเจ็บกล้ามเนื้อน่อง นี่คือคนสำคัญของทีม หากพิจารณามาตรฐานการแข่งขันจากฤดูกาลที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลไม่สามารถสูญเสียเขาไปนานๆ

อาเดรียน ซาน มิเกล ผู้รักษาประตูสแปนิช ไม่คาดคิดหรอกว่า เขาจะมีโอกาสเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลรวดเร็วขนาดนี้ ฤดูกาล 19-20 เพิ่งผ่านไปแค่ 39 นาทีเท่านั้น อดีตประตูเวสต์ แฮม ย้ายมาวันเดียวกับมินโญเล่ต์จากไปเบลเยี่ยม อย่างไรก็ตาม อาเดรียนแสดงให้เห็นว่า เขาน่าจะเป็นที่ไว้ใจได้ แม้ไม่อาจเทียบกับอลิซงก็ตามที

สถิติที่ฟาร์เค่พูดถึงเป็นเรื่องจริง และที่เขาไม่เอ่ยถึงคือความผิดพลาดของนอริช อันเป็นจุดตายของพวกเขาเอง แกรนต์ แฮนลี่ย์พลาด พยายามสกัดบอลริมเส้นของดิว็อค โอริกี้ ทำเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 7 จากนั้น ลิเวอร์พูลนำ 2-0 เมื่อฟีร์มีโนตอกบอลให้โม ซาลาห์ยิง ในนาที 19 ก่อน ฟาน ไดค์ โหม่งประตูที่ 3 ในนาที 28 ขนิดไม่ต้องเทคตัวโดด ปิดท้ายด้วยเทรนต์ อแล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลให้โอริกี้ในนาที 42

5 เกมติดต่อกันที่อาร์โนลด์สามารถแอสซิสต์ให้เพื่อนยิงประตูได้

เกมครึ่งหลังล่าช้าเพราะอุปกรณ์สื่อสารของผู้ตัดสินใจมีปัญหา ลิเวอร์พูลพยายามยิงเพิ่ม แต่ทิม ครูล ผู้รักษาประตูไม่พลาด และอาจทำให้ผู้เล่นนอริชเริ่มมั่นใจขึ้น ในที่สุดพวกเขาตีไข่แตก เมื่อเอมิลิอาโน่ บูเอ็นเดีย เปิดให้พุคกี้ยิง ในนาที 64 “เราแพ้ครึ่งแรก 4-0 แต่ชนะครึ่งหลัง 1-0” ฟาร์เค่กล่าวหลังเกม ลิเวอร์พูลพยายามเปลี่ยนเกม คลอปป์ส่ง ซาดิโอ มาเน่แทนโอริกี้ในนาที 74 และเจมส์ มิลเนอร์แทนฟีร์มีโน่ นาที 86 ลิเวอร์พูลไม่สามารถยิงประตูเพิ่ม จากโอกาส 9 ครั้งในครึ่งหลัง ซึ่งเข้ากรอบแค่ 3 ครั้ง ขณะที่ครึ่งแรก พวกเขายิงเข้ากรอบ 4 ครั้ง ได้ 4 ประตู

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลเริ่มต้นได้ดีมาก ไม่แพ้ที่แอนฟิลด์ในลีกติดต่อกัน 40 เกม(ชนะ 30 เสมอ 10)  หลังจากแพ้คริสตัล พาเลซ เมื่อ เมษายน 2017 อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้พิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเขายังแข็งแกร่งมาก ด้วยการบุกชนะ เวสต์ แฮม ที่ลอนดอน สเตเดี้ยม 5-0 ในวันที่ 10 สิงหาคม รวมถึงแมนฯ ยูฯ โชว์ฟอร์มแกร่งเอาชนะเชลซี 4-0 ในวันที่ 11 สิงหาคม

ตารางพรีเมียร์ ลีก จากแม็ทช์เดย์ 1

1 แมนฯ ซิตี้  เล่น 1 ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 0 ยิงได้ 5 เสีย 0  3 คะแนน

2 แมนฯ ยูฯ  เล่น 1  ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 0 ยิงได้ 4 เสีย 0  3 คะแนน

3 ลิเวอร์พูล เล่น 1 ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 0 ยิงได้ 4 เสีย 1 3 คะแนน 

สถิติของลิเวอร์พูลจากเกมนอริช ยิงทั้งหมด 15 ครั้งเข้ากรอบ 7 ครั้ง ครองบอล 57.9 %

ทีมชุดแรก อลิซง อาร์โนลด์ โกเมซ ฟานไดค์ โรเบิร์ตสัน ไวนัลดุม เฮนเดอร์สัน ฟาบินโญ่ ซาลาห์ ฟีร์มีโน่และโอริกี้ (สำรอง อาเดรียนแทนอลิซงนาที 39 มาเน่แทนโอริกี้ นาที 74 และมิลเนอร์แทนฟีร์มีโน่นาที 86)

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี