#แผนระยะยาวผีแดง

#แผนระยะยาวผีแดง

นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไปเมื่อปี 2013

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเละเทะห่างไกลจากบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกที่คุ้นเคย และกลายเป็นแค่เคยคุ้นเท่านั้น ด้วยเรื่องจริงในสนามที่มาตรฐานต่ำเตี้ยเรี่ยดินเป็นลำดับ

เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล และ โชเซ่ มูรินโญ่ ต่างเอาชื่อมาทิ้งด้วยโลโก้ประทับตราว่า “น่าผิดหวัง” เพราะผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

ซ้ำร้ายยังมีนโยบายบริหารสะเปะสะปะมาเป็นบ่อนทำลายความก้าวหน้าของทีมอีกด้วย เนื่องจากมันครอบคลุมสอดคล้องกันไปหมด โดยเฉพาะเรื่องการเสริมทัพที่ซื้อนักเตะเข้ามา แต่ไม่ใช่คนที่ต้องการ และเกิดขึ้นในยุคของ ฟาน กัล กับ มูรินโญ่

เอ็ด วู้ดเวิร์ด คือแกนนำบริหารที่เก่งกาจช่ำชองเรื่องหาเงิน หาสปอนเซอร์ แต่ความรู้เรื่องฟุตบอลเป็น “ศูนย์” ตามที่ แอลวีจี ประกาศไว้เสียงดังฟังชัด

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มันจะเกิดความเสียหายต่อสโมสร รวมถึงการแปรสภาพกลายเป็นทีมที่จ่ายค่าจ้างให้กับนักเตะและสตาฟฟ์มากสุดในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2018/19 ด้วยจำนวน 352 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 14,080 ล้านบาท เลยทีเดียว

ปัจจุบัน แข้งปีศาจแดง ที่รับค่าเหนื่อยมากสุดคือ ดาบิด เด เคอา มือกาวทีมชาติสเปน ที่ได้สัปดาห์ละ 375,000 ปอนด์ หลังจากปล่อย อเล็กซิส ซานเชซ ไปให้อินเตอร์ มิลาน ยืมตัวแล้ว แต่ก็ช่วยรับผิดชอบจ่ายค่าแรงให้ ดาวเตะชิลี อยู่ด้วย

ภาพรวม 20 สโมสรพรีเมียร์ลีกมีค่าเฉลี่ยจ่ายค่าจ้างให้กับนักเตะและสตาฟฟ์อยู่ที่ 158 ล้านปอนด์ ในฤดูกาลที่แล้ว และ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จ่ายสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึงกว่า 2 เท่า โดยมีหลักฐานเป็นชาร์ตต่อไปนี้

อันดับทีมที่จ่ายค่าจ้างให้กับนักเตะและสตาฟฟ์มากสุดในฤดูกาล 2018/19
1. แมนฯ ยูไนเต็ด 352 ล้านปอนด์
2. แมนฯ ซิตี้ 315 ล้านปอนด์
3. เชลซี 314 ล้านปอนด์
4. ลิเวอร์พูล 310 ล้านปอนด์
5. อาร์เซน่อล 235 ล้านปอนด์
6. สเปอร์ส 179 ล้านปอนด์
ค่าเฉลี่ยทั้ง 20 ทีม 158 ล้านปอนด์

เมื่อเป็นเช่นนั้น มันจึงเกิดแผนการรื้อระบบปรับโครงสร้างทำทีมใหม่ในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ยึดธรรมเนียมปฏิบัติตามประวัติศาสตร์สโมสรเป็นสำคัญ โดยมีจุดเด่นที่การดันเด็กจากศูนย์ฝึกเยาวชนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่พรึ่บพรั่บ จนกุนซือชาวนอร์เวย์โดนแซวว่า “คลั่งลูกหม้อ”

ล่าสุดมีการสำรวจ และปรากฏว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรใน 5 ลีกใหญ่ของทวีปยุโรป ที่มีผลผลิตจากอะคาเดมี่อยู่ในทีมชุดใหญ่มากที่สุดประจำฤดูกาลนี้ ด้วยจำนวน 40.7 เปอร์เซ็นต์

มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจสซี่ ลินการ์ด, เมสัน กรีนวู้ด, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์, เจมส์ การ์เนอร์, อักเซล ตวนเซเบ้ และ ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์ เป็นส่วนหนึ่งของ
แข้งโฮมโกรว์น ซึ่งหมายถึงคนที่อยู่กับทีมตั้งแต่ในระดับอะคาเดมี่เป็นเวลาหลายปี โดยไม่จำเป็นว่าต้องมีเชื้อชาติเดียวกับต้นสังกัดของพวกเขา

อย่างกรณีของแมนฯ ยูไนเต็ด ก็มี แม็คโทมิเนย์ และ โฟซู-เมนซาห์ ที่ตรงกับการเป็นนักเตะโฮม โกรว์น แม้ว่าพวกเขาจะเป็นชาวสกอตแลนด์กับฮอลแลนด์ ตามลำดับ

นอกจากแมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว ทีมจากอังกฤษอีก 1 ทีมที่ติด 10 อันดับแรกคือ เชลซี ด้วยจำนวน 29.6 เปอร์เซ็นต์

ส่วนทีมอื่นๆ ของอังกฤษนั้น อาร์เซน่อล อยู่อันดับ 12 ร่วม จากจำนวน 25.9 เปอร์เซ็นต์, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ครองที่ 21 ร่วมจากจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์, ลิเวอร์พูล ครองอันดับ 32 ร่วม ที่จำนวน 15.4 เปอร์เซ็นต์ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 40 จำนวน 12.5 เปอร์เซ็นต์

ฟุตบอลสมัยใหม่การแข่งขันแย่งความสำเร็จกันเข้มข้น และถีบตัวสูงปรี๊ด โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก ซึ่งพอหมดยุคป๋า ทาง ปีศาจแดง ก็ต้องพยายามควานหาวิธีที่จะกลับไปยืนบนแท่นหมายเลขหนึ่งอีกครั้ง

แต่สิ่งที่ โซลชา นำมาเป็นคอนเซปท์คุมทัพอสูรเริ่มแสดงให้เห็นว่า โอเล่ ยูไนเต็ด กำลังก้าวเดินมาในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว

.

.

บทความโดย :: * โรบิน *

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความก่อนหน้า :: บทความแมนยู