ฟีร์มีโน่ดับ โชต้าเกิด

เยอร์เก้น คลอปป์พูดเสมอว่า เกมสำคัญที่สุดคือเกมต่อไป

เยอร์เก้น คลอปป์พูดเสมอว่า เกมสำคัญที่สุดคือเกมต่อไป

ชัยชนะเหนืออตาลันต้าคืออดีต สิ่งที่รออยู่คือเกมกับแมนฯ ซิตี้

เยอร์เก้น คลอปป์พูดเสมอว่า เกมสำคัญที่สุดคือเกมต่อไป

 

ซึ่งถือว่าเป็นเกมสำคัญต่อการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีกของทั้งสองทีม แม้ว่าฤดูกาลเพิ่งมีอายุ 8 นัดสำหรับลิเวอร์พูล และ 7 นัดสำหรับซิตี้ก็ตาม

3 คะแนนช่วยให้ลิเวอร์พูลนำห่างแมนฯ ซิตี้ 8 คะแนน หรือช่วยให้แมนฯ ซิตี้ตามหลังลิเวอร์พูล 2 คะแนน ขณะที่ตารางอันดับสามารถพลิกได้มากมายก่อน 2 ทีมที่ได้รับการยกย่องว่ามีลุ้นแชมป์อย่างแท้จริงลงสนามวันอาทิตย์นี้

 

เพราะ 6 อันดับแรกต่างกันแค่ 3 คะแนนเท่านั้น

 

ทันทีที่ลิเวอร์พูลชนะอตาลันต้า และดีโอโก้ โชต้าผลงานดี ทำแอตทริคสำเร็จ ความกดดันตกอยู่กับโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ทันที แต่ที่จริง อาจไม่กดดันเพราะบ๊อบบี้ไม่ใช่คนตัดสินใจเลือก 11 นักเตะ แต่เป็นเยอร์เก้น คลอปป์ต่างหาก

 

คลอปป์จะเปลี่ยนกองหน้า 3 คนที่ยิงรวมกัน 268 ประตูติดต่อกัน 2  นัดหรือไม่

 

“โลกใบนี้บางทีก็ไม่น่าอยู่” คลอปป์ตอบคำถามเรื่อง โชต้าหรือฟีร์มีโน่ เขารู้ว่า กระแสไม่ดีเกี่ยวกับฟีร์มีโน่กำลังก่อตัว “ห้วงเวลาที่บางคนโดดเด่น เราจะพูดถึงอีกคนทันที อีกคนที่เหมือนเล่นต่อเนื่องมา 500 เกมติด ไม่มีบ๊อบบี้ ฟีร์มีโน่ เราไม่ได้เล่นแชมเปี้ยนส์ ลก สำหรับคนมากมายในโลก หากถามพวกเขา ลิเวอร์พูลพิเศษตรงไหน พวกเขาจะบอกว่า เพราะการเล่นของบ๊อบบี้ ฟีร์มีโน่ยังไง”

 

เสียงกดดันต่อฟีร์มีโน่มีมานานแล้ว เช่นเดียวกับเสียงตำหนิโม ซาลาห์ เฮนโด้ ไวนัลดุม โจนส์ อาร์โนลด์ โรเบิร์ตสัน โกเมซ อาเดรียน ฟาน ไดค์ หรือแม้แต่อลิซง เวลาที่เกมหรือผลการแข่งขันไม่ได้ดั่งใจ แฟนก็ลงเอยที่ด่านักเตะสักคน เรียกร้องถึงความเปลี่ยนแปลง

 

ดีโอโก้ โชต้า ทำให้คลอปป์มีทางเลือก มากกว่าดีว็อค โอริกี้อย่างเห็นได้ชัด 1 เปลี่ยนกองหน้าชุดเด็ด มาเน่ บ๊อบบี้ โม 2 เพิ่มจาก 3 ประสานเป็น Fab4 3 เปลี่ยนตัวสำรองเพื่อให้เกมดีขึ้น ขณะที่ก่อนหน้านี้คลอปป์ไม่อาจเลือกอะไรได้ และเกมรุกของลิเวอร์พูล โมและมาเน่จะไม่มีประสิทธิ์หากหยุดบ๊อบบี้ ฟีร์มีโน่

 

สถิติของโชต้า เล่น 5 นัดในลีก (ตัวจริง 2 นัด ) ได้ 3 ประตู ฟีร์มีโน่ เล่น 7 นัดเป็นตัวจริงทุกนัด ยิงได้ 1 ประตู

 

จากทุกรายการโชต้ามีโอกาสยิง 20 ครั้งได้ 7 ประตู ฟีร์มีโน่ได้ 1 ประตูจากโอกาสยิง 20 ครั้ง

 

ได้บอลในเขตโทษฝ่ายตรงข้าม ฟีร์มีโน่ 56 โชต้า 44 อยู่ในเขตโทษฝ่ายตรงข้าม ฟีร์มีโน่ 13.2 นาที โชต้า 11.4 นาที

 

7 ประตูจาก 10 เกมของโชต้าในทุกรายการ คือสถิติดีที่สุดสำหรับนักเตะลิเวอร์พูล หลังจากร็อบบี้ ฟาวเลอร์เริ่มเล่นให้ลิเวอร์พูเมื่อปี 1993 10 ประตูจาก 10 เกมแรก

 

ทุกประตูสำคัญ แต่การได้ประตูแต่ละเหตุการณ์ทำให้แต่ละประตูสำคัญไม่เท่ากัน เช่นทีมนำ 3-0 คุณลงมายิงให้ทีมชนะ 4-0 มันก็ธรรมดา แต่การลงสนามนาที 70 ยิงประตูให้ทีมชนะ 2-1 ในนาที 85 ย่อมไม่ธรรมดา นั่นคือเกมกับเวสต์ แฮม

 

เป็นตัวจริง ยิงประตูชัยให้ทีม นาที 64 กับเกมเชฟฯ ยูไนเต็ด นั่นก็สมควรได้รับการยกย่อง หรือ 2 ประตูแรกในเกมกับอตาลันต้า ซึ่งน่าจะเป็นศึกหนักสุดของลิเวอร์พูลในรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลนี้ โชต้ามีบทบาทกับชัยชนะแทบทุกเกมของลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้

 

มิดต์จิลลันด์ หรืออาร์เซน่อล

 

ไม่มีนักเตะคนไหนลงเล่นให้เยอร์เก้น คลอปป์กับลิเวอร์พูลมากกว่าบ๊อบบี้ ฟีร์มีโน่ แต่เพราะการเล่นต่อเนื่องนานๆ ทำให้ฟีร์มีโน่มีอาการล้าอย่างเห็นได้ชัด

 

แต่ถ้าเราดูสถิติจากเกมอตาลันต้า บ๊อบบี้ยังมีดีนะ เขาเล่น 28 นาที รับบอล 17 ครั้ง ผ่านบอล 15 ครั้ง สำเร็จ 12 ครั้ง เป็น 80 % ขณะที่โชต้าเล่น 65 นาที รับบอล 30 ครั้ง ผ่านบอล 27 ครั้ง สำเร็จ 21 ครั้ง คิดเป็น 78 %

 

จุดสำคัญที่สุดที่วัดความแตกต่างเวลานี้คือประตู โชต้ายิงเข้ากรอบ 4 ครั้งได้ 3 ประตู ส่วนฟีร์มีโน่ได้โอกาสยิงและติดบล็อค 1 ครั้ง ไม่ได้ประตู ซึ่งใครล่ะจะยิงได้ทุกนัด แต่เสียงบ่นจากหน้าจอทีวีดังขึ้นเรื่อยๆว่า ฟีร์มีโน่ยิงน้อยเกินไป

 

โลกแห่งความจริงมักโหดร้าย หรือ Bad Place แบบที่คลอปป์บอก ถ้าซื้อมาแล้วไม่ดี ไมเคิ่ล เอ๊ดวาร์ดส์ก็เสียรังวัด เหมือนตอนลิเวอร์พูลประกาศว่าได้ตัวดีโอโก้ โชต้า ค่าตัว 41 – 45 ล้านปอนด์เสียงร้องยี้มาเป็นแถว ยิ่งย้ายเข้าแอนฟิลด์หลังธิอาโก้ด้วยแล้ว การเปิดตัวโชต้ากลายเป็นเรื่องเล็ก

 

โชต้าอายุน้อยกว่าฟีร์มีโน่ 6 ปี ลักษณะการเล่นดุดัน ร่างกายฟื้นตัวเร็ว มีปฏิกิริยาบวกกับมาเน่และซาลาห์ ผมรู้สึกว่า 2 คนนี้คึกคักเวลาเล่นกับโชต้ามากกว่าฟีร์มีโน่ในระยะหลังที่ร่างกายโรยอย่างเห็นได้ชัด

 

โปรแกรมที่ทุกคนต้องเจอ ทุกเดือนอัดแน่นเหมือนธันวาคม เป็นแบบนี้ตั้งแต่ตุลาคม พฤศจิกายน หรือเท่ากับเจอเดือนธันวาคม 3 เดือน ยังไงก็ต้องหาตัวมาทดแทนกัน

 

ลิเวอร์พูลหมุนเวียนนักเตะมาตลอด แต่สำหรับกองหน้า เพิ่งมีฤดูกาลนี้แหละที่หมุนแล้วเกิดผลในทางบวก

 

บางคนว่า คลอปป์ปวดหัวที่จะต้องเลือกโชต้าหรือฟีร์มีโน่เพื่อเกมแมนฯ ซิตี้ แต่สุดท้ายไม่มีใครรู้ใจเขาหรอกว่าจะเลือกอย่างไร

 

เหมือนมาติป ฟิลลิปส์ วิลเลี่ยมส์ ในตำแหน่งเซนเตอร์ ธิอาโก้จะพร้อมหรือไม่ ชาคีรี่ควรมีโอกาสไหมเพราะฟอร์มดี ร่างกายสด นอกเหนือจากอลิซง โรเบิร์ตสัน โกเมซ อาร์โนลด์ เฮนเดอร์สัน มาเน่และโม ที่น่าจะได้ลงแน่ๆ สำหรับวันอาทิตย์นี้

 

คลอปป์เลือกฟีร์มีโน่คงไม่น่าแปลกใจ เพราะเขาอาจเชื่อประสบการณ์บ๊อบบี้ในเกมใหญ่ แบบที่เป็ปพยายามเข็นกุน อาเกวโร่ลงเล่นให้ได้ ขณะเดียวกัน การให้ฟีร์มีโน่เล่นกับแมนฯ ซิตี้ก่อน อาจเป็นประโยชน์ต่อลิเวอร์พูลและโชต้า เมื่อลงสนามด้วยร่างกายที่สุดเต็มที่ ขณะกองหลังฝ่ายตรงข้ามอ่อนล้า

 

ความจริงมันไม่ใช่เรื่องปวดหัวสักนิด อยู่ที่เยอร์เก้น คลอปป์จะเล่นอย่างไรเท่านั้น การมีผู้เล่นหมุนเวียนคุณภาพดี คือสิ่งที่แฟนบอลต้องการไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่า การแจ้งเกิดของโชต้าจะเป็นจุดดับของฟีร์มีโน่ แต่เป็นการเสริมกันมากกว่า

การเกิดของอีกคน ไม่ได้หมายความว่า อีกคนต้องดับสูญเสมอไป

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี