#เยอร์เก้นคลอปป์ #อัจฉริยะผู้ชูกำปั้นและเปลี่ยนฝันให้เป็นจริง4

เจอร์เก้น คล็อปป์ โฟกัสล่าแชมป์กันต่อ

#เยอร์เก้นคลอปป์

#อัจฉริยะผู้ชูกำปั้นและเปลี่ยนฝันให้เป็นจริง4

“เยอร์เก้นยกหน้าที่ดูแลการฝึกซ้อมทั้งหมดของทีมให้ผม นั่นคือความรับผิดชอบและมีความหมายกับผมมาก ผมคงไม่กลับมาลิเวอร์พูลเพื่อทำงานตำแหน่งเดิม” ไลนเดอร์สเปิดเผย

“ผมตระหนักถึงตนเองตลอดช่วงเวลาไม่ได้อยู่ลิเวอร์พูล ชัดเจนมากขึ้นกับวิธีทำงาน ปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จ ไม่มีหยวนหรืออะไรก็ได้ ทีมซ้อมในรูปแบบที่ผมต้องการ ไม่มีทางเลือกอื่น ทำอย่างเด็ดขาดทุกวัน รวมถึงสร้างบรรยากาศแห่งความสุขให้นักเตะ มีแผนการชัดเจน 1 สัปดาห์มีอะไรบ้าง มีเกมที่ไหนบ้าง และแต่ละนัดต้องมีเอกลักษณ์เป็นลิเวอร์พูล เต็มที่ ลุยให้สุดแรง”

คลอปป์แบ่งงานให้ไลนเดอร์ส เช่นเดียวกับ ปีเตอร์ คราเวียตซ์ หรือ The Eye’ ที่ร่วมงานกับเขาในฐานะหัวหน้าแมวมองตั้งแต่คุมไมนซ์เมื่อ 20  ปีก่อน ไลนเดอร์สใช้เวลาส่วนใหญ่วางแผนและควบคุมการฝึกซ้อม คราเวียตซ์ใช้ความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์เกมด้วยวิดีโอ ซึ่ง ไลนเดอร์สและคราเวียตซ์เกื้อหนุนกันเป็นอย่างดี

“เราให้ข้อมูลและทำงานด้วยการอย่างต่อเนื่อง” ไลนเดอร์สอธิบาย “ชีวิตเราง่ายขึ้นเมื่อมีผู้นำที่ดี แต่ชีวิตเราคือกีฬาที่เล่นเป็นทีม พยายามสนับสนุนเยอร์เก้นให้ดีที่สุด ตามความสามารถของเรา ใช้จุดแข็งแต่ละคนเพื่อบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่”

“พีตเป็นนักวิเคราะห์เก่งที่สุดคนหนึ่งในโลก เขารู้จักวิถีทางของเยอร์เก้นเป็นอย่างดี ศึกษาและให้ข้อมูลสำหรับการเตรียมทีมแต่ละเกม เขาหนุนผมและเยอร์เก้นด้วยข้อมูลข่าวสาร วิธีการซ้อม หาจุดอ่อนฝ่ายตรงข้าม นักวิเคราะห์ที่ดีทำให้เรื่องที่ซับซ้อนเป็นเรื่องง่าย ลิเวอร์พูลยุคของเยอร์เก้นมีวัฒนธรรมการทำงาน การเตรียมพร้อม ทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ทุกคนได้อิสระในการทำงานอย่างเต็มที่”

ไลนเดอร์สไม่เพียงแต่ไล่จี้คลอปป์ระหว่างการเล่นแพดเดิ้ล เทนนิสของทั้งสอง เขาไล่จี้คลอปป์เรื่องแท็คติกหรืออะไรก็ตามระหว่างการประชุมในห้องทำงาน ผจก คลอปป์ไม่ยินดีเลย หากผู้ร่วมงานจะเอาแต่บอกว่า “ดีครับนาย” เขาปรารถนาถึงมุมมองการจัด 11 ตัวจริงของเขา แท็คติกต่างๆ เขาชอบการระดมความคิดและโต้แย้ง

“การทำงานของเรา มีพลังมาก เยอร์เก้นคือผู้นำที่แท้จริง เป็นแรงบันดาลและแรงกระตุ้นขับเคลื่อน มีภาษิตว่า คนอื่นไม่สนใจหรอกว่าคุณรู้มากแค่ไหน ตราบใดที่คุณไม่แสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจแค่ไหน ผมเชื่อว่า ทุกคนที่ทำงานกับเยอร์เก้น สัมผัสได้ว่า เขาใส่ใจตัวคุณและพัฒนาการของคุณ สำหรับเยอร์เก้นไม่มีคำว่า อีโก้ ข้าแน่ เขาแสวงหาหนทางที่เหมาะสมสำหรับการทำงาน”

หน้าร้อนปี 2018 คลอปป์ปรึกษากับไลนเดอร์สและคราเวียตซ์แบบจริงจัง ถึงการเปลี่ยนแปลงตัวตนของลิเวอร์พูล ทีมอาจเล่นได้น่าตื่นตาตื่นใจอยู่แล้ว แต่ผจกคิดว่า ลิเวอร์พูลควรวิวัฒน์ตัวเอง และควบคุมเกมให้ดีขึ้น หากต้องการ ยืนระยะในการแข่งขันตั้งแต่ต้นจนจบและเป็นผู้ท้าชิงความสำเร็จตัวจริง”

“เราต้องวางแผนการเล่นให้ดีกว่านี้ -Game management “ คลอปป์บอกทีมงาน “ทุกคนพูดถึงความเข้มข้นของเกมเรา แต่บางทีเราวิ่งจนลืมตาย ไม่คิดไม่วางแผน we run like devils จนผมต้องพยายามบอกนักเตะว่า ได้โปรดเล่นช้าลงบ้าง”

คลอปป์เตือนทีมงาน ฝ่ายตรงข้ามต้องพยายามจับตายฟีร์มีโน่ ซาลาห์และมาเน่ โดยเฉพาะการปิดพื้นที่ ดังนั้นลิเวอร์พูลต้องมีอาวุธแตกต่างจากเดิม ลูกศรอีกแบบที่จะพุ่งจากแหล่ง ลูกตั้งเตะคือเรื่องหนึ่งที่คลอปป์เน้น สถิติเรื่องนี้ของลิเวอร์พูล ไม่ค่อยดี เป็นแค่ทีมกลาง

ตารางเท่านั้น เวลารุก เหมือนเล่นไปงั้นๆ เสียของ เวลาป้องกันลูกตั้งเตะก็พร้อมจะเสียประตูทุกครั้ง

ทีมมีนักเตะที่คุมเกมกลางอากาศได้แบบฟาน ไดค์ ควบด้วยการเปิดบอลที่แม่นยำของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ คลอปป์ย้ำทีมงานว่า นี่ต้องเป็นเขี้ยวเล็บอีกอย่างในคลังแสงลิเวอร์พูล นั่นคืองานของไลนเดอร์สและคราเวียตซ์ ทำอย่างไร ทีมจะเล่นฟรีคิกได้ดี มีประสิทธิผล

“ผมอยากได้แบบนี้ ทีมผมไม่เคยเล่นลูกตั้งเตะได้ดีเลย” คลอปป์บอก “เราต้องแก้เรื่องนี้ นี่คือจุดอ่อนของลิเวอร์พูล”

จบฤดูกาล 2018/19 ลิเวอร์พูลเป็นอันดับ 1 ของพรีเมียร์ ลีกว่าด้วยเรื่องลูกตั้งเตะ ได้ 29 ประตู ขณะที่บอร์นมัธและแมนฯ ยูฯ เป็นที่ 2  ร่วม ทำได้แค่ 21 ประตู

จุดสำคัญที่บางคนมองว่าเป็นเรื่องตลก แต่ลิเวอร์พูลเล่นลูกตั้งเตะ หรือเริ่มเล่นใหม่ได้ดี เพราะ โทมัส โกรนเนมาร์ค โค้ชด้านการทุ่ม คลอปป์รู้เรื่องโธมัสจากบทความในหนังสือพิมพ์เยอรมัน มีแต่คนหัวเราะเยาะ วิจารณ์ต่างๆนานา แต่เมื่อลิเวอร์พูลฝึกซ้อมตามเทคนิคของอดีตนักวิ่งระยะสั้นและนักบ๊อบสเลด (เลื่อนหิมะ) ชาวเดนมาร์ก พวกเขาเก็บบอลจากการทุ่ม หรือตัดบอลจากการทุ่มของฝ่ายตรงข้ามได้ดีขึ้น

“ก่อนเจอเยอร์เก้น ผมหงุดหงิดเหมือนกัน” โกรนเนมาร์ค พูดถึงวิชาที่เขาถนัด “ ผมมีความรู้ เราจะครองบอลได้อย่างเมื่อได้ทุ่ม สร้างโอกาสทำประตูอย่างไรจากสิ่งนี้ แต่ไม่มีใครสนใจ ทีมแค่อยากให้นักเตะทุ่มได้ไกลๆ เท่านั้น ทีมแรกที่จริงจังกับเรื่องนี้คือลิเวอร์พูล นี่คือก้าวสำคัญของผมในการแสดงให้คนเห็นว่า มีอะไรมากกว่าการทุ่ม นี่คือทีมแรกที่ผมมีโอกาสใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์ มันบ่งบอก จิตใจและวิถีแห่งลิเวอร์พูลได้เป็นอย่างดี”

“เยอร์เก้นเป็นนักนวัตกรรม เป็นผู้นำที่ย้ำตลอดว่า เขาไม่รู้ไปทุกเรื่อง พร้อมรับฟังผู้รู้ เพื่อนำพาสโมสรไปข้างหน้า”

โรงอาหารที่เมลวู้ด มีจอทีวีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ให้นักเตะได้ผ่อนคลาย จนกระทั่งคลอปป์บอกว่า ปิดทีวี

เช้าวันที่ 7 พฤษภาคม 2019 นักเตะทานอาหารเช้าหลังรายการตัวเรียบร้อย พวกเขาดูวิดีโอ การยิงประตูในนาที 70 ของแวงซองต์ คอมปานี กัปตันทีมแมนฯ ซิตี้ นัดเจอเลสเตอร์มากเกินพอ ดูกันมาตั้งแต่กลางคืน ประตูนั้นเหมือนกริชพุ่งปักอกสโมสรลิเวอร์พูล แชมป์ฤดูกาลนั้น ต้องตัดสินกันในนัดสุดท้าย แต่ลิเวอร์พูลไม่อาจคุมโชดชะตาของตัวเอง ลึกๆแล้ว คลอปป์อยากบอกทุกคนว่า มันจบแล้ว

แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะเศร้า นั่งปลอบพวกเดียวกันเอง คลอปป์ต้องการปรับโหมดความคิดของนักเตะสู่เกมรอบรองแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่สองกับบาร์เซโลน่าที่แอนฟิลด์ ไม่มีใครให้โอกาสลิเวอร์พูลเท่าไร หลังแพ้ 0-3 จากคัมป์ นู พวกเขายังต้องเผชิญหน้าลิโอเนล เมสซี่ โดยไม่มีฟีร์มีโน่และซาลาห์ (ซึ่งเกมนั้น นักเตะอียิปต์มาดูเกม พร้อมสวมเสื้อ Never Give Up’ ที่กลายเป็นตำนาน

การประชุมทีมก่อนเกมที่โฮป สตรีท โฮเทล  คลอปป์บอกนักเตะว่า “ทั้งโลกบอกว่า เป็นไปไม่ได้ ว่ากันตามตรง มันก็อาจเป็นไปไม่ได้ แต่เพราะนี่คือพวกคุณ เพราะทุกคน เรามีโอกาส”

“ผจก สามารถใช้คำที่เหมาะสมได้ถูกที่ถูกเวลาตลอด” กัปตันเฮนโด้บอก

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คุยเดี่ยวกับคลอปป์เพื่อหาวิธีเล่นที่เหมาะสมกับความสามารถของกัปตันทีม ตั้งแต่เกมที่เซาแธมป์ตันเมื่อเดือนเมษายน ( 5 เมย ลิเวอร์พูลบุกชนะเซาแธมป์ตัน 3-1)  ที่จริงเฮนโด้กังวลเรื่องอนาคตของตัวเองในทีม เขาขอเจอคลอปป์เป็นการส่วนตัว เพื่อให้ ผจก มั่นใจว่า เขายังเป็น นัมเบอร์ 8 ของทีมได้ หลังคลอปป์จับให้เล่น นัมเบอร์ 6

ประตูของเฮนเดอร์สัน เกมชนะที่เซนต์ แมรี่ 3-1 แสดงถึงความยอดเยี่ยมในการเป็น ผู้จัดการทีมของคลอปป์ และยินดี หากมีคนพร้อมโต้แย้งแนวคิดเขาด้วยเหตุผล

เฮนเดอร์สันจำบรรยากาศที่โฮป สตรีท โฮเทล ก่อนเกมบาร์เซโลน่าได้ “เราเดินออกจากห้องด้วยความเชื่อมั่น คึกคักว่าเราน่าจะทำได้”

จากนั้น โลกได้เห็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืนหนึ่ง ณ แอนฟิลด์

ดีว็อค โอริกี้ เริ่มการคัมแบ็ค ตั้งแต่นาทีที่ 7  ก่อนไวนัลดุม ทำสองประตูติดต่อกัน นาที 54 และ 56 ลบความได้เปรียบของบาร์เซโลน่าจากนัดแรก และ 11 นาทีสุดท้าย เหตุการณ์ที่เป็นตำนานแห่งแอนฟิลด์ในค่ำคืนแห่งยุโรปก็เกิดขึ้น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์กับลูกเตะมุมที่คนรู้จักมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร

เทรนต์ อาศัยปฏิภาณ ต่อด้วยการยิงที่เฉียบขาดของโอริกี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งแต่การฝึกซ้อม คลอปป์และทีมงานมีข้อสังเกตว่า บาร์เซโลน่าเสียเวลาตั้งหลักนาน เวลาป้องกันลูกตั้งเตะ ไลนเดอร์สกำชับเด็กเก็บบอล ซึ่งเป็นเยาวชนจากอาแคเดอมี่ของลิเวอร์พูลว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รีบส่งบอลให้นักเตะลิเวอร์พูลเริ่มเกมให้เร็วที่สุด

โอ๊คลี่ย์ แคนโนเนียร์ อายุ 14 ปี ณ เวลานั้น เขาเป็นนักเตะทีมเยาวชน รู้ว่าควรทำอย่างไร เมื่อบาร์เซโลน่าเสียเตะมุม และลิเวอร์พูลต้องการประตู ต่อหน้าเดอะ ค็อป เอ็นด์

นั่นคือการให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ

สองหรือสามสัปดาห์ก่อนนั้น คลอปป์ให้สัมภาษณ์ว่า นักเตะของเขาจิตใจห้าวหาญมาก “fucking mentality monsters” ทำให้ทีมเก็บชัยชนะด้วยประตูท้ายเกมบ่อยๆ ส่งผลให้ลิเวอร์พูลกดดันแมนฯ ซิตี้ในการลุ้นแชมป์ได้ต่อเนื่อง

“ความรู้สึกและการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเกิดขึ้นเพราะ ผจก” อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ให้สัมภาษณ์ “การที่เราได้ประตูท้ายเกมบ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เราไม่เคยยอมแพ้ ถอดใจไม่ว่าเกมไหน สภาพร่างกายของเราสมบูรณ์ สามารถทำแบบนั้นได้”

ลิเวอร์พูลพลาดแชมป์พรีเมียร์ ลีกแค่ 1 คะแนน แม้ชนะรวด 9 เกมสุดท้ายของฤดูกาล เก็บ 97 คะแนน สูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร มาเน่และซาลาห์ได้รองเท้าทองคำร่วมกันกับปีแอร์ เอเมอริค โอบาเมยางของอาร์เซน่อล เมื่อยิงได้ 22 ประตู ทั้ง 3 คน  มันคือเรื่องเจ็บปวด แต่คลอปป์มองอีกแง่

“นั่นคือครั้งแรกที่เรามีโอกาสได้แชมป์ ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย” เขาย้ำกับนักเตะ ก่อนปรับความคิดทุกคนให้อยู่กับแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงกับ

ท็อตแน่มที่มาดริด

อะไรที่เกี่ยวกับเกมนี้ ถูกขุดคุ้ยหมด ไม่เหลือความลับซ่อนเร้นต่อคลอปป์และทีมได้ แม้จะต้องพลิกหินทุกก้อนเพื่อดูว่าอะไรซ่อนอยู่ ไลนเดอร์สจัดเกมอุ่นเครื่อง โดยไม่ให้คนนอกดูระหว่างการเข้าแคมป์เตรียมตัวที่มาร์เบญ่า แข่งกับเบนฟิก้าชุดบี เพราะสไตล์การเล่นคล้ายทีมของพอเช็ตติโน่

บรรยากาศในทีมแตกต่างจากนัดชิงที่เคียฟเมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้ ไม่มีใครแสดงอาการตื่นกลัวสำหรับเกมที่มาดริด คลอปป์ยิ่งสบายใจขนาดขอนอนกลางวันภายในห้องที่โรงแรมวันละ 2 ชั่วโมงทุกวันก่อนนัดชิงในเมืองหลวงของสเปน

แล้วก็ถึงคืนที่ลิเวอร์พูลสลัดคราบของเพื่อนเจ้าบ่าว พระรองเป็นผู้ชนะ คลอปป์ได้สัมผัสชัยชนะหลังแพ้ตลอด 6 ครั้งที่เข้าชิงแชมป์

“Let’s talk about six, baby,” เขาร้องเพลงนี้ระหว่างการให้สัมภาษณ์ หลังซาลาห์ยิงจุดโทษตั้งแต่ต้นเกม และโอริกี้ ยิงประตูที่ 2 ในนาที 87 คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ครั้งที่ 6 ให้ลิเวอร์พูล “คุณเคยเห็นทีมอะไรแบบนี้ไหม วิ่งจนหมดแรง ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว พวกเขาทุกข์ทรมาณเพื่อผม ไม่มีใครเหมาะสมกับการเป็นแชมป์มากกว่านี้แล้ว นี่คือฤดูกาลที่เข้มข้น ลงเอยอย่างสวมงามที่สุดเท่าที่ผมจะวาดฝันไว้”

ก่อนหน้านั้น นักเตะจับคลอปป์โยนขึ้นกลางอากาศเพื่อเป็นการฉลอง และยกย่องผู้ช้วยที่เชื่อมั่นในนักเตะเหล่านี้ และปลดโซ่ทุกอย่างที่พันธนาการความสามารถของทุกคนเอาไว้

“คุณสามารถพูดได้ว่า คลอปป์เป็นโค้ชที่เก่งแค่ไหน แต่ความรักระหว่างเขากับนักเตะที่คุณสัมผัสได้ มันยิ่งใหญ่จริงๆ” ทอม เวอร์เนอร์ ประธานสโมสรลิเวอร์พูลกล่าว “ผมคิดว่าเยอร์เก้นคือยอดนักจิตวิทยา หากเขาไม่เลือกเป็นโค้ชฟุตบอล เขาสามารถดึงความสามารถดีที่สุดของนักเตะออกมาได้”

ฟาน ไดค์และอลิซงเล่นได้ยอดเยี่ยมในเกมนั้น กองหลังได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ PFA และได้อันดับสองของนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี หรือบัลลง ดอร์ แค่รองจากเมสซี่เท่านั้น

งานฉลองของทุกคนในทีมภายในโรงแรมยูโรสตาร์สที่หรูหราในมาดริด ดำเนินจนถึงรุ่งเช้า ซึ่งมีเหตุการณ์สำคัญของคลอปป์และเพื่อน รวมถึง คัมปีโน่ นักร้องพั้งค์ร็อคเยอรมัน พวกเขาร่วมกันร้องเพลงเดียวกับที่เคยอัดวิดีโอหลังความพ่ายแพ้ที่เคียฟเมื่อ 1 ปีก่อน

We’re sending greetings from Madrid,

Tonight we made it number six,

We brought it back to Liverpool

Because we promised we would do

ขอส่งความยินดีจากมาดริด คืนนี้เราคว้าแชมป์ครั้งที่ 6 เรานำแชมป์กลับมาลิเวอร์พูล เพราะเราสัญญาว่าเราจะทำ

ผู้คนมากกว่า 500 ,000 คน ออกมาร่วมฉลองระหว่างพาเหรดแห่ถ้วยยูโรเปี้ยน คัพที่ลิเวอร์พูล “หากคุณรวบรวมความรู้สึกทุกอย่าง ความตื่นเต้น อารมณ์ ความรักที่ล่องลอยในอากาศ จับมันอัดใส่ขวดได้ โลกจะน่าอยู่กว่านี้” คลอปป์บอก

ก่อนหน้านั้น หากลิเวอร์พูลมีโอกาสลุ้นแชมป์ กลับต้องผิดหวัง ฤดูกาลต่อมา ลิเวอร์พูลไม่อาจสานต่อความสำเร็จ นักเตะเด่นๆจะย้ายทีม หรือไม่ก็ซื้อตัวผิดพลาด แต่ไม่ใช่คราวนี้

หน้าร้อนปี 2019 นักเตะหลักๆของทีมต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสร อย่างน้อย หนึ่งในเป้าหมายของเขาประสบความสำเร็จแล้ว แอนฟิลด์คือจุดหมายปลายทางของยอดนักเตะ ไม่ใช่ทางผ่านสู่ความยิ่งใหญ่แบบวันวาน เพื่อไปซบอกยักษ์ใหญ่ทีมอื่นในยุโรป

“เราต้องละโมบบ้าง” เขาบอกนักเตะในการประชุมพรีซีซั่น กรกฎาคม 2019 เขาบอกให้ทุกคนรู้ว่า ทีมนี้ยังเล่นได้ดีกว่าเดิม ที่ทุกคนเห็นยังไม่ใช่ที่สุด ทุกคนยังพัฒนาและเติบโตได้มากกว่านี้ ความเข้มข้นและการฝึกซ้อมที่จริงจัง ตอกย้ำความมั่นใจให้สตาฟโค้ชว่า ใกล้ถึงทีของลิเวอร์พูลแล้ว

“คว้าแชมป์รายการสำคัญ ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น ศรัทธาในทุกอย่างของทีม สติสัมประชัญญะของคุณบอกตัวเองว่า เราแข็งแกร่งขึ้น มีความหิวกระหายที่จะต่อสู้เพื่อความชัยชนะถ้วยรางวัลใบต่อๆไป” ไลน์เดอร์สพูดถึงอิทธิผลของชัยชนะ

คลอปป์เสริมทีมงานด้วยนักจิตวิทยาการกีฬา ลี ริชาร์ดสัน นอกจากนี้ เขาเชิญนักโต้คลื่นชาวเยอรมัน เซาบาสเตียน สตูวด์เนอร์ มาพูดถึงวิธีรับมือกับความเครียดให้นักเตะฟังระหว่างพรี-ซีซั่น ทำอย่างไร นักเตะจะต่อสู้กับความเครียด ตื่นกลัว และการกำหนดลมหายใจ สิ่งเล็กน้อยแต่ส่งผลลึกล้ำ แม้จะดูว่า ทีมก้าวไปไม่กี่ก้าว แต่ล้วนเป็นก้าวสำคัญ

ลิเวอร์พูลหกล้มในฤดูกาล 2018/19 คว่ำไม่เป็นท่าทั้งที่นำ 7 แต้มตั้งแต่มกราคม ความเครียด กังวลครอบงำจิตใจ ทั้ง 2  องค์ประกอบ ห้องแต่งตัวและบนอัฒจันทร์ ทุกคนกลัวจะผิดพลาดอีก กลัวทำของมีค่าหลุดมือ

นี่คือเรื่องที่ห้ามเกิดขึ้นซ้ำสองอย่างเด็ดขาด

คราวนี้ คู่แข่งตกตะลึงพรึงเพริดในความยอดเยี่ยมของลิเวอร์พูล ผลงานที่เฉียบขาด สม่ำเสมอ พวกเขาเล่นเหมือนเกมข้างถนนที่เต็มด้วยความสุข แต่ชนะได้ต่อเนื่อง กวาดทุกอย่างที่ขวางหน้า หรือบางทีสามารถกัดฟันสู้จนกว่าได้รับชัยชนะ

สถิติทั้งหลายของพรีเมียร์ ลีก ล้มละเนระนาด ทีมคลอปป์เก็บ 79 แต้มจาก 91 แต้ม ทำสถิติไม่แพ้ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดของอังกฤษ ทำสถิติเท่าสถิติเดิม ชนะต่อเนื่อง 18 เกม ได้แชมป์ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ และคลับ เวิร์ลด์ คัพ ขณะที่คลอปป์ได้รางวัลโค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี 2019 ของฟีฟ่า

แผนเดิม คลอปป์อยากลาแอนฟิลด์เมื่อหมดสัญญาในปี 2022 แต่เพราะความเชื่อมั่นในอนาคตที่แอนฟิลด์ ซึ่งเป็นที่ยินดียิ่งของ FSG และแฟนบอลเมื่อเขาต่อสัญญาอีก 2 ปี “เอาเป็นว่า ช่วยกันสร้างช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตเรา” คลอปป์ประกาศเมื่อต่อสัญญาตอนปลายปี 2019

ไม่น่าแปลกใจ เมื่อเขานำความสำเร็จ ยุติการรอคอยที่เจ็บปวด 30 ปีได้ สตีเว่น เจอร์ราร์ดถึงกับบอกว่า ลิเวอร์พูลควรสร้างรูปปั้นให้คลอปป์ ณ แอนฟิลด์

ทุกอย่างล้วนยอดเยี่ยม การค้นหานักเตะ ปฏิวัติแท็คติกของทีม และการจัดการทรัพยากรบุคคลที่ชาญฉลาด

โรเบิร์ตสันและอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไม่เพียงแต่เล่นดี แต่กลายเป็นฟูลแบ็คยอดเยี่ยมของยุโรป ความมหึมาของอลิซงเมื่ออยู่หน้าประตู เกมรับที่แข็งแกร่งของฟาน ไดค์ โจ โกเมซและมาติป พลัง อำนาจทะลุทะลวง และการควบคุมเกมของเฮนเดอร์สัน ฟาบินโญ่ ไวนัลดุม มิลเนอร์และอ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ผสมกับศักยภาพของซาลาห์ มาเน่และฟีร์มีโน่

ย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นและก้าวแรกของนักเตะเหล่านี้ เทียบกับสถานะปัจจุบัน ดูขีดความสามารถของกลุ่มนักเตะที่มีแสนยานุภาพ

แน่นอน ความสำเร็จไม่มีทางเกิดขึ้น หากปราศจากทีมงานที่ยอดเยี่ยม แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ การคืนชีพดุจนกฟีนิกซ์ตลอด 5 ปีท่าผ่านมา เพราะคนหนึ่งคนที่พยายามบอกทุกคนว่า I’m a normal 1.

เชื่อเถอะ นี่ไม่ใช่คนธรรมดา

เขา เยอร์เก้น คลอปป์ อัจฉริยะที่ชูกำปั้น เปลี่ยนความฝันของทุกคนให้เป็นจริง

จบบริบูรณ์

กิตติกร อุดมผล

แปลจาก

https://theathletic.com/1890402/2020/06/26/liverpool-jurgen-klopp-premier-league-champions/

ท่านใดสนุกกับการอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษก็ตามลิงก์ข้างต้น ผมพยายามแปลให้ใกล้เคียงอารมณ์ผู้เขียนมากที่สุด ด้วยเจตนาบันทึกความทรงจำที่สมบูรณ์แบบของคลอปป์และลิเวอร์พูล นับจากปี 2015 ถึง 2020

.

.

บทความโดย กิตติกร อุดมผล

Facebook fanpage: Captain No.12

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความก่อนหน้า :: บทความลิเวอร์พูล