แมนฯ ซิตี้ลบ 2 ลิเวอร์พูลบวก 1

เมื่อมีกองหน้าคุณภาพดี 4 คน คุณทำอย่างไร จัดลงเล่นพร้อมกันเลยไม่ต้องคิดมาก

เมื่อมีกองหน้าคุณภาพดี 4 คน คุณทำอย่างไร จัดลงเล่นพร้อมกันเลยไม่ต้องคิดมาก

นั่นคือคำตอบที่เยอร์เก้น คลอปป์มีให้ทุกคน เพียงแต่ มาเน่ ฟีร์มีโน่ ซาลาห์และโชต้าเล่นด้วยกันดีแค่ไหนเมื่อลงพร้อมกัน

เมื่อมีกองหน้าคุณภาพดี 4 คน คุณทำอย่างไร จัดลงเล่นพร้อมกันเลยไม่ต้องคิดมาก

แต่นั่นคือการตัดสินใจที่กล้าหาญมากสำหรับคลอปป์ เพราะนี่คือการเยือนเอติฮัดของซิตี้ สนามที่เขาไม่เคยชนะนับตั้งแต่เป็ป กวาดิโอล่ารับตำแหน่งผจก. เรือใบสีฟ้า

จะ 4-2-3-1   4-3-3 4-4-2 หรือ 4-2-4 แล้วแต่จะมอง ทว่าค่าเฉลี่ยตำแหน่งการเล่นของลิเวอร์พูล คือ 4-2-3-1 หรืออาจมองว่าเป็น 4-3-3 ก็ได้ เพราะไวนัลดุมและเฮนเดอร์สัน ปักหลักคู่กันตรงกลาง โดยโชต้าเล่นด้านขวา ยืนต่ำกว่า มาเน่และฟีร์มีโน่ ขณะที่ซาลาห์ยืนสูงสุด และเฉียงออกด้านขวานิดหน่อย

 

ผมไม่ค่อยชอบ 4-2-3-1 ของลิเวอร์พูลสักเท่าไรเพราะครองบอลไม่ค่อยดี แต่เจอกับซิตี้ จบเกมด้วยสถิติ 54.7 % – 45.3 % ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ซิตี้ผ่านบอล 555 ครั้ง ลิเวอร์พูล 458 ครั้ง นั่นเป็นเรื่องที่ผมคาดอยู่แล้ว

 

ที่ผิดคาดคือโอกาสยิง ลิเวอร์พูลสร้างโอกาสได้มากกว่าในครึ่งแรก 6-4 รวม 90 นาที 10-7 ครั้ง แต่การยิงเข้ากรอบของสองทีมน้อยมาก คือ 3 ครั้งของลิเวอร์พูล และ 2 ครั้งสำหรับแมนฯ ซิตี้

 

เอาเป็นว่าหากลิเวอร์พูลฉวยโอกาสได้ดีกว่านี้ ก็น่าจะเก็บ 3 คะแนนได้ เช่นเดียวกัน ซิตี้มีโอกาสหลุดเข้าทำง่ายๆ แต่กลับทำไม่ได้ โดยเฉพาะจุดโทษของเควิน เดอ บรอยน์ นั่นคือครั้งแรกที่ซิตี้ยิงจุดโทษไม่เข้ากรอบหลังจากริยาด มาห์เรซ พลาดจุดโทษในเกมเสมอลิเวอร์พูลเมื่อตุลาคม 2018

 

ฤดูกาลนั้นซิตี้ชนะลิเวอร์พูลในการลุ้นแชมป์  1 คะแนน แต่ฤดูกาลนี้อาจส่งผลให้แมนฯ ซิตี้เสียเปรียบลิเวอร์พูลมากขึ้น เพราะทำคะแนนหลุดมือในบ้านตัวเอง เรื่องจิตวิทยายิ่งสำคัญกว่า 2 คะแนนที่ขาดหายไป

 

มาเน่ ฟีร์มีโน่ ซาลาห์ และโชต้า ผมมองว่าเล่นร่วมกัน 4 คนค่อนข้างไม่ลงตัว มีจังหวะกั๊กกันเยอะ สู้เล่นแค่ 3 คนไม่ได้ คือโชต้ามีโอกาสทะลุทะลวงมากกว่า นอกจากฟอร์มตก ผมมองว่า บ๊อบบี้ออกอาการล้าอย่างเห็นได้ชัด สปีดการเล่น ความเร็วในการออกบอลไม่เหมือนเดิม

 

นั่นอาจเป็นเรื่องที่คลอปป์ต้องตัดสินใจ การดร็อปฟีร์มีโน่ไม่ได้หมายความว่า พ่อไม่รักลูก แต่บางทีพ่อต้องตัดสินใจด้วยว่า อะไรดีที่สุดสำหรับทีม

 

แต่การเลือกคราวนี้ผมมองว่า เป็นการพิสูจน์ให้เห็นเลยว่า คลอปป์ยังไว้ใจฟีร์มีโน่ แต่คุณต้องแสดงอะไรให้เห็นบ้าง และเกมต่อไป เราคงไม่ได้เห็นการจัดตัวที่สร้างความฮือฮาแบบนี้ เมื่อต้องปรับเกม ฟีร์มีโน่โดนเปลี่ยนออก ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ ซึ่งจริงๆ ผมคาดว่า เชอร์ดาน ชาคีรี่น่าจะได้โอกาสเป็นตัวจริงในเกมนี้

 

ลิเวอร์พูลชัดเจนมากขึ้น เมื่อชาคีรี่ลงสนาม การเล่นของโชต้ามีอิสระและผ่อนคลายมากขึ้น  ช่วง 59 นาทีแรกดูเหมือน FAB 4 จะพยายามประคองเกม สร้างความคุ้นเคยและมั่นใจให้กันและกัน แต่บางทีก็ต่อบอลมากเกินไป ยิงได้ไม่ยิง ผมคิดระหว่างเกมว่า พวกเขาพยายามช่วยกันและกัน โดยเฉพาะบ๊อบบี้ที่ขาดความเชื่อมั่นมาก

 

ซิตี้ยำเกรงลิเวอร์พูลหรือไม่ ในเกมที่พวกเขาเคยยำแชมป์พรีเมียร์ ลีก 4-0 หลังการตั้งแถวการ์ด ออฟ ฮอนเนอร์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ค่าตำแหน่งเฉลี่ยทีมของเป็ปเกมนี้ 2 -4 – 4 ลาปอร์กและดีอาส ยืนห้อยต่ำ คันเซโล กุนโดฮาส โรดริโก้และวอล์คเกอร์ ยืนเรียงหน้ากระดาน 4 คน

 

สเตอร์ลิง เดอ บรอยน์ เจซุสและตอร์เรส เรียงอีก 1 หน้ากระดาน เพื่อกดดันแนวสุดท้ายของลิเวอร์พูลไม่ให้ดันสูงมากนัก

 

เป็ปไม่บ่นอะไรจากจังหวะที่สเตอร์ลิงน่าจะโดนฟาวล์ก่อนลิเวอร์พูลได้จุดโทษเพราะมาเน่โดนชนโดนวอล์คเกอร์ ที่ผมเห็นคือสเตอร์ลิงไม่ใช่สุภาพบุรุษอะไรที่ไม่ล้มจังหวะนั้น แต่พยายามจะไถลเพื่อไปล้มในเขตโทษมากกว่า ส่วนจุดโทษของมาเน่นั้นชัดเจน ชนิดรอย คีนยังตำหนิวอล์คเกอร์

 

“มาเน่เจอกับไอ้โง่ มีคนบอกผมว่า วอล์คเกอร์เล่นดี ผมว่าไม่นะ เขาอายุ 30 ติดทีมชาติ” คีนพูดระหว่างวิเคราะห์เกมทางสกาย ขณะที่กรณีของสเตอร์ลิงเขาบอกว่า “ราฮีมโดนฟาวล์แน่นอน แต่เขาได้บอลอีกในเขตโทษ แล้วจึงล้ม ผมว่าผู้ตัดสินให้เป็นลูกได้เปรียบไปแล้ว”

 

เกมนี้ ลิเวอร์พูลได้โจเอล มาติปกลับมาเล่นเซนเตอร์กับโกเมซ ซึ่งผมว่าสำคัญ หากเป็นเนท ฟิลลิปส์หรือรีหส์ วิลเลี่ยมส์ อาจไม่เก๋าพอ แต่บางทีเพราะมาติปเก๋าเกินไป เขาอ่านทางวิ่งของกุนโดฮาน แล้วพยายามขยับไปบล็อก เลยเปิดพื้นที่ให้เดอ บรอยน์เปิดบอลให้เจซุส

 

นั่นคือการเล่นที่ยอดเยี่ยมของซิตี้ และเป็นประตูที่เกิดจากการต่อบอลใส่ลิเวอร์พูลมากที่สุดก่อน แชมป์ เสียประตู 19 ครั้ง เท่ากับเหตุการณ์ระหว่าง 2 ทีมนี้เมื่อปี 2017 และเจซุสเป็นคนยิงประตูนั้นเช่นกัน

 

ความเฉียบคมของสองทีมหายไป อาจเพราะเหนื่อยล้าแมนฯ ซิตี้เสมอ 3 จาก 5 เกมล่าสุดในพรีเมียร์ ลีก ซี่งเป็นจำนวนการเสมอเท่ากันจาก 70 นัดก่อนหน้า ส่วนลิเวอร์พูลชนะเกมเยือนแค่ 3 จาก 10 นัดล่าสุด แพ้ 4  แต่ก่อนหน้านั้น ชนะ 16 / 17 เกมที่เป็นทีมเยือน

 

มาถึงคิวบาดเจ็บของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้แต่หวังว่าจะไม่หนักมาก และ 2 สัปดาห์อาจเพียงแต่ ต้องไม่ลืมว่า อาร์โนลด์พลาดช่วงพรี-ซีซั่นเพราะบาดเจ็บ และลงเล่นเกมแรกของฤดูกาล โดยไม่ได้เตะบอลพรี-ซีซั่นเลย

 

คลอปป์ เป็ปหรือโอเล่ กุนนาร์ โซลช่าโยงกลับมาที่การเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้แค่ 3 แทนที่จะเป็น 5 หรือโปรแกรมเตะที่ไม่สมเหตุผล อย่างเบรคทีมชาติครั้งก่อน ลิเวอร์พูลเล่นกับเอฟเวอร์ตันตอนเที่ยงครึ่งวันเสาร์ โดยนักเตะจากอเมริกาใต้กลับมาถึงอังกฤษวันพฤหัส

 

โซลชาร์ไม่พอใจที่แมนฯ ยูฯต้องเล่นกับเอฟเวอร์ตัน ตอนเที่ยงครึ่งวันเสาร์ หลังทีมเล่นแขมเปี้ยนส์ ลีกวันพุธ

 

เป็ปย้อนอดีตตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะในสเปนบอกว่า อ่านข่าวเซอร์อเล็กซ์ เวนเกอร์หรือเบนิเตซบ่นเรื่องโปรแกรมการแข่งขัน ถึงวันนี้ปัญหาของฟุตบอลอังกฤษยังเหมือนเดิม

 

“สองสัปดาห์ก่อน สโมสรนัดให้ผมเจอกับพอล โมลนาร์ ผู้รับผิดชอบการจัดโปรแกรมพรีเมียร์ ลีก” คลอปป์เปิดเผย และแสดงให้เห็นว่า เขาไม่ใช่แค่วิจารณ์อย่างเดียว แต่พยายามแก้ปัญหา “พอล โมลนาร์บอกผมว่า เราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เพราะลีกไม่ใช่แค่แมนฯ ยูฯ ไม่ใช่แค่ลิเวอร์พูล หรือไม่ใช่แค่แมนฯ ซิตี้”

 

นับตั้งแต่การระบาดใหญ่ของโควิด-19 พรีเมียร์ ลีก กระจายโปรแกรม เตะทีละคู่เพื่อการถ่ายทอด ซึ่งความจริงไม่จำเป็นเลย เพราะพวกเขามีสถานีที่สามารถถ่ายทอดสดได้หากเกมเตะพร้อมกันเหมือนเมื่อก่อน การกระจายเตะพร้อมกัน ไม่ให้ประโยชน์ต่อทีมหรือแฟนบอล แต่กลับเป็นประโยชน์ของสถานีโทรทัศน์อังกฤษมากขึ้น

 

แข่งพร้อมกันเหมือนเดิม แฟนทีมไหนก็ดูทีมนั้น และต่อให้แข่งทีละคู่แฟนแมนฯ ยูฯ คงไม่อยากดูเกมซิตี้-ลิเวอร์พูลให้ปวดใจหรอก

 

เป็ปกับคลอปป์ไม่ค่อยประสานเสียงกันเท่าไร ยกเว้นคราวนี้

 

“วันนี้แบ็คขวาทีมชาติอังกฤษเจ็บด้วยเหตุผลของการเปลี่ยนตัวได้แค่ 3 คน พรุ่งนี้จะมีนักเตะเจ็บอีก เราไม่ได้พูดถึงผลการแข่งขัน แต่ต้องพูดเรื่องการเปลี่ยนตัว 5 คนอีก แต่เราไม่ปกป้องนักเตะนั่นคือหายนะ” เป็ปกล่าวเช่นนี้

 

“ขาดภาวะผู้นำ ริชาร์ด มาสเตอร์สดำเนินนโยบายผิด นี่คือที่ผมเข้าใจ การโยนเรื่องนี้ให้สโมสรตัดสินใจ พวกคุณเอาไง ต้องการอะไร แต่ละสโมสรต้องเข้าใจว่า การเปลี่ยนตัว 5 คนช่วยนักเตะได้อย่างไร ไม่ใช่ข้อได้เปรียบ แต่มันคือความจำเป็น และประเทศอื่นทำกันทั้งนั้น” คลอปป์อัดผู้บริหารพรีเมียร์ ลีก เป็นตัวบุคคลอีกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้

 

ถ้าจะตำหนิพรีเมียร์ ลีกก็ตำหนิการตีความแฮนด์บอลด้วยก็ดี ผมไม่คิดว่าโจ โกเมซจะทำอะไรได้ในจังหวะเควิน เดอ บรอยน์เปิดบอล โอเค บอล(อาจโดน) แขนของโกเมซ แต่เขาขยับมือเข้าหาบอล หรือพยายามใช้แขนคอนโทรลบอลหรือไม่ เช่นเดียวกับจุดโทษที่วูล์ฟส์เสียให้เลสเตอร์ แล้วเป็นการตัดสินเกม

 

ผู้ตัดสินและ VAR ของอังกฤษยังห่วยสิ้นดี สำหรับผลการแข่งขัน ผมมองว่า เป็นแมนฯ ซิตี้ที่เสีย 2 คะแนน และลิเวอร์พูลได้ 1 คะแนน ซึ่งอาจมีผลต่ออันดับหรือการลุ้นแชมป์ของ 2 ทีมในบั้นปลาย

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี