เป็ปตกยุค และจิตวิทยาแบบคลอปป์

เจสัน คันดี้ อดีตกองหลังเชลซีให้ความเห็นกับ talkSport สถานีวิทยุกีฬาของอังกฤษ

เจสัน คันดี้ อดีตกองหลังเชลซีให้ความเห็นกับ talkSport สถานีวิทยุกีฬาของอังกฤษ

เทียบระหว่างเป็ปและคลอปป์ว่า

เจสัน คันดี้ อดีตกองหลังเชลซีให้ความเห็นกับ talkSport สถานีวิทยุกีฬาของอังกฤษ

“เราย้อนกลับไปสู่ยุคที่เป็ปคุมบาร์เซโลน่า นั่นคือทีมดีที่สุดเท่าที่เราเคยเห็น รูปแบบการเล่น เกมใหลลื่น การเคลื่อนที่ คู่แข่งไม่มีทางต่อกรกับพวกเขาได้ แต่ผมคิดว่า ฟุตบอลแบบนั้น ไม่ผลแบบที่เคยได้อีกต่อไป ตอนนี้คลอปป์แซงหน้าเป็ป และมันเกิดขึ้นแบบง่ายๆ (ดีดนิ้วเปรียบเทียบ)”

“ตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา ทุกคนชื่นชมยกย่องเป็ป ผมเข้าใจนะ แต่ถ้าคุณตั๋วปีผม เลือกระหว่างแมนฯ ซิตี้กับลิเวอร์พูล ผมไม่เลือกตั๋วซิตี้ ผมไปดูลิเวอร์พูลดีกว่า ผมชอบบรรยากาศในสนาม พลังของแฟนบอล จังหวะ ความโหดของลิเวอร์พูล วิธีการทำเกมรุก ซิตี้นี่ ต้องลำเลียงบอลจากหลังไปหน้า แต่ต้องทำให้เร็วขึ้นหากพวกเขาจะเล่นแบบนั้น แต่พวกเขาต่อบอลมากไป”

“แน่นอน เจอทีมอ่อนๆ พวกฉีกคู่แข่งไม่ปรานี  เพราะนักเตะเหนือกว่า แต่ดูตอนนี้ เกมของเป็ปมาล้าหลังแล้ว การเล่นแบบติกีตาก้า อย่างที่เราเคยเห็น บาร์ซ่า หรือสเปน หลายทีมรับมือพวกเขาไม่ได้ในอดีต แต่คุณจะรับมือการเล่นอย่างนั้นได้ไง ก็ด้วยความแข็งแรง ความเร็ว อย่างเกมลียง โอเค คุณอาจโต้แย้งว่า มีการฟาวล์ แต่ประตูที่สองนี่ แสดงชัดว่า คุณจะเอาชนะซิตี้อย่างไร ตอนนี้ คลอปป์แซงหน้าเป็ปแล้ว เป็ปเป็นรองหลายขุมเลย”

เหตุผลของคันดี้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้ ถ้ามองเกมที่ซิตี้พลาดจากฤดูกาลที่ผ่านมา นอริช วูล์ฟส์ ท็อตแน่ม แมนฯ ยูฯ ใน 12 เกมที่ซิตี้พลาดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เกิดขึ้นแบบนี้ เช่นเดียวกับการแพ้ลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ เมื่อ 10 พฤศจิกายน ซิตี้ครองบอลมากกว่า ยิงมากกว่าแต่ไม่สามารถเอาชนะลิเวอร์พูลได้

ฟุตบอลเปลี่ยนไปนับแต่คลอปป์คุมลิเวอร์พูล วิธีการของบาร์ซ่าและเป็ป ใข้ไม่ได้ผลแบบที่ใครก็ไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป ที่สำคัญลงทุนสูง

ขณะที่เกล็นน์ เมอร์เรย์ กองหน้าและกัปตันทีมไบรท์ตันพูดถึงคลอปป์ในสถานีเดียวกัน ว่า ผจก. ลิเวอร์พูลเล่นสงครามจิตวิทยากับฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่วอร์มอัพ

ถ้าใครเข้าแอนฟิลด์แล้วสังเกตช่วงวอร์มอัพ คลอปป์แทบไม่เคยมองนักเตะตัวเองซ้อมเลย เมอร์เรย์สังเกตุเรื่องนี้ และเจอด้วยตัวเอง

“คลอปป์เดินมากลางสนาม ไม่พูดอะไร ยืนกอดอกจ้องพวกเรานิ่งๆ ใครเจอแบบนี้ในครั้งแรกก็งงเหมือนกัน เกิดอะไรขึ้น เขามาทำอะไร จ้องเราตาไม่กระพริบ นักเตะในทีมเราเริ่มสงสัย คุยกันเขามาทำอะไร แบบนี้มันทำเราขวัญกระเจิง”

ดาร์เร็น เบนต์ อดีตนักเตะดาร์บี้พูดในรายการเดียวกันว่า “เจอแบบนี้เหมือนกัน จนไนเจล เพียร์สัน ผจก. ดาร์บี้ตอนนั้นทนไม่ไหว เดินไปถามคลอปป์ มีปัญหาอะไรไหม คลอปป์ตอบแบบ ไม่มีปัญหาอะไร เรียบร้อยดี แล้วเดินจากไป”

ไม่ว่าคลอปป์จะมีเหตุผลอะไรในการยืนมองนักเตะฝ่ายตรงข้ามวอร์ม อัพ แต่มันได้ผล

เป็ปตกยุค ฟุตบอลแบบติกี้ ตาก้าตกยุค คงพูดแบบนั้นไม่ได้ ปัญหาของบาร์เซโลน่าคือพวกเขาขาดนักเตะที่คุณภาพระดับ ชาบี้และอิเนียสต้า ที่จะช่วยเมสซี่ แบบเป็ปบอกว่า เขาคงไม่มีทางได้แชมป์ UCL หากปราศจาก 3 คนนี้ ส่วนฟุตบอลของเป็ป อันดับแรก เขาหานักเตะคุณภาพดี ทีมมีงบประมาณ ซิตี้ตั้งต้นเหนือกว่าคู่แข่งแล้ว แต่ฟุตบอลจริงๆ ไม่ได้เล่นแบบเกมแมนเนเจอร์ เพราะฉะนั้น นอริชถึงชนะแมนฯ ซิตี้ได้

สิ่งแรกที่คลอปป์ขอจากลิเวอร์พูล และแฟนบอลคือ Give us time ขอเวลา เพราะวิธีการของคลอปป์ไม่ใช้ทางลัด 4 ปีเหมือนครั้งอยู่ดอร์ทมุนด์ ก่อนออกจากทีมที่เขารัก เหมือนเวทมนต์ของคลอปป์เสื่อม ใช้ไม่ได้ผล แต่ข้อเท็จจริงคือ ดอร์ทมุนด์ไม่อาจต้านกระแสเงินของบาเยิร์นได้

ลิเวอร์พูลต้านกระแสเงิน ณ ปัจจุบันได้เพราะคลอปป์ แต่ไม่อาจขับเคี่ยวกับทีมที่พร้อมจ่ายจริงๆ แบบเชลซี เหมือนกรณีทิโม แวร์เนอร์ โอกาสเป็นตัวจริง เงินตอบแทนสูงแบบนั้น ความศรัทธาต่อคลอปป์กลายเป็นเรื่องรอง

ลิเวอร์พูลทีมนี้ถีงจุดขีดสุดหรือยัง 97 ต่อด้วย 99 สามารถต่อถึง 100 แต้มได้ไหมในฤดูกาลถัดไป คลอปป์อุดช่องว่างของทีมได้ทีละนิด จากกองหลัง ผู้รักษาประตู จนฤดูกาลที่แล้ว ผมว่านั่นคือลิเวอร์พูลที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิต แต่ฤดูกาลใหม่ คลอปป์จะพัฒนาทีมอย่างไร จุดไหนบ้างที่อ่อน

กลายเป็นการแข่งขันกับตัวเอง มากกว่าแข่งขันกับคู่ต่อสู้ ตราบใดที่เราทำได้ ไม่ต้องสนว่า ใครทำได้ดีแค่ไหน นี่คือทัศนคติที่คลอปป์ปลูกฝังในใจนักเตะ โดยปรัชญาของคลอปป์ ไม่เคยพอใจในความสำเร็จ หรือไม่คิดว่า เราถึงจุดสูงสุดแล้ว เพราะจากนั้นมีแต่ขาลง

ถ้าคิดว่าเราเป็นแชมป์ ทุกคนพยายามแย่งชิงแชมป์จากเรา เราต้องป้องกันก็เปลี่ยนกรอบความคิดนักเตะ หรือ Mindset ขณะที่เขาบอกว่าทุกคนว่า แชมป์ไม่ได้เป็นของใคร มันอยู่ตรงนั้น เราต้องไปแย่งมาให้ได้ต่างหาก กรอบความคิดก็เปลี่ยนไป ไม่มีความหยิ่งผยอง หรือความคิดว่า ข้าเก่งแล้ว แบบที่เรียกว่า “clever-boy syndrome”

แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้วใครเก่งกว่า ก็ต้องยอมนะ

ลิเวอร์พูลมีโปรแกรมอุ่นเครื่องกับ สตุ๊ทการ์ท เสาร์ที่ 25 เวลา 23.00 น และซัลบวร์ก อังคาร์ที่ 25 เวลา 21.00 น ก่อนเจออาร์เซน่อลในคอมมิวนิตี้ ชิลด์ เสาร์ 29 เวลา 22.30 น บ่ายสามวันนี้ พรีเมียร์ ลีกคลอดโปรแกรมฤดูกาล 2020-21 การรอคอยใกล้สิ้นสุดลงแล้ว

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี