ฟาน ไดค์กับผลกระทบต่อลิเวอร์พูล

เกมของลิเวอร์พูลเจอผลกระทบมากแค่ไหนเมื่อไม่มีเวอร์จิล ฟาน ไดค์

เกมของลิเวอร์พูลเจอผลกระทบมากแค่ไหนเมื่อไม่มีเวอร์จิล ฟาน ไดค์

บางคนเทียบกับการขาดหายของอายเมอริค ลาปอร์ก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มีส่วนสำคัญทำให้แมนฯ ซิตี้ผลงานตก

เกมของลิเวอร์พูลเจอผลกระทบมากแค่ไหนเมื่อไม่มีเวอร์จิล ฟาน ไดค์

บิ๊กเวิร์จเล่นพรีเมียร์ ลีก 95 จาก 96 นัดล่าสุดนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ลิเวอร์พูลเมื่อมกราคม 2018 ฤดูกาลที่ผ่านมาเล่นทุกนัด ทุกนาทีในพรีเมียร์ ลีก

 

ก่อนคว้าตัวฟาน ไดค์ ลิเวอร์พูลเสีย 120 ประตูใน 96 นัดของพรีเมียร์ ลีก หลังจากนั้นเสียแค่ 78 ประตูใน 96 นัด นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลไม่เสียประตู 43 นัดในพรีเมียร์ ลีกที่ฟาน ไดค์ลงสนาม

 

นอกจากเกมรับ ฟาน ไดค์คือจุดเริ่มต้นในเกมรุกของลิเวอร์พูล เช่นเดียวกับการทำประตู นับจากฤดูกาลที่ผ่านมา ยอดกองหลังชาวดัตช์ผู้นี้ ทำได้ 6 ประตูจากลูกโหม่ง มีแค่โดมินิก คัลเวิร์ต เลวินของเอฟเวอร์ตันเท่านั้นที่โหม่งประตูได้มากกว่า

 

การเล่นลูกกลางอากาศของฟาน ไดค์เป็นจุดสำคัญในเกมรับ เมื่อต้องออกจากเกม ในนาทีที่ 11 ถัดจากนั้น 8 นาทีเอฟเวอร์ตัน ตีเสมอจากลูกโหม่งของไมเคิ่ล คีน ซึ่งโจเอล มาติปและโจ โกเมซไม่สามารถช่วยป้องกันลูกโด่งจากการเตะมุมของเอฟเวอร์ตัน เช่นเดียวกับประตูตีเสมอโดยคัลเวิร์ต-เลวิน แอนดี้ โรเบิร์ตได้แค่ยืนเบียด ขณะที่โจ โกเมซไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะป้องกัน

 

ความสามารถในการเล่นก็เรื่องหนึ่ง บารมีในสนามของฟาน ไดค์ยิ่งเป็นส่วนสำคัญทำให้เกมรับลิเวอร์พูลดูดี ทั้งที่มีข้อผิดพลาด บวกสไตล์การเล่นใช้ฟูล-แบ๊ค 2 ข้างดันเกมรุกขึ้นสูง ช่วงหนึ่งหลังจากมีนาคม 2018 ฟาน ไดค์ ทำสถิติไม่มีใครเลี้ยงผ่านได้ 50 เกมติดต่อกัน

 

ฟาน ไดค์ทำให้ลิเวอร์พูลเล่นเกมรุกแบบไฮ ไลน์ เพราะความเร็วของเขาสามารถจัดการเกมสวนกลับของฝ่ายตรงข้าม และคลุมพื้นที่กว้างๆในสนามได้ เมื่อฟูล-แบ๊ค 2 คนเติมเน้นเกมรุกมากกว่าเกมรับ

 

แอนดี้ โรเบิร์ตสันและอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำ 51 แอสซิสต์ในพรีเมียร์ ลีก นับจากต้นฤดูกาล 18-19 เมื่อไม่ฟาน ไดค์ ลิเวอร์พูลจะเล่นแบบนี้ได้หรือไม่

 

สำหรับฟูล-แบ๊คที่เติมเกมรุก ไม่มีอะไรดีกว่าขึ้นด้วยความมั่นใจ ไม่ต้องพะวงหลังเพราะรู้ว่า ฟาน ไดค์ช่วยแก้ปัญหาได้ ไม่แต่เฉพาะการบุก เกมรับซึ่งฟูล-แบ๊คควรทำได้ดี แต่บ่อยครั้งที่อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รอดชีวิตเพราะการแก้ปัญหาของฟาน ไดค์

 

ผมไม่แน่ใจว่า เยอร์เก้น คลอปป์เคยคิดหรือวางแผนไว้หรือไม่ หากวันหนึ่งต้องเล่นโดยไม่มีเวอร์จิล ฟาน ไดค์ เอาเป็นว่า เคยคิดแล้วกัน เพราะหลังตัดสินใจปล่อยเดยัน ลอฟเร็นในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา เท่ากับลิเวอร์พูลเหลือเซนเตอร์แค่ 3 คน ฟาน ไดค์ มาติปและโกเมซ

 

3 คนก็เหมือน 2 คนครึ่งเพราะมาติปเจ็บมากกว่าฟิต พร้อมลงเล่น หลังจากจบเกมดาร์บี้แม็ทช์ มาติปก็ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อสแกนอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ แม้ผลออกมาไม่เป็นอะไร แต่คลอปป์อาจไม่สามารถใช้เขาได้ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีกกับอาแจ๊กซ์

 

ปี 2020 นี้ มาติปเล่นแค่ 165 นาที เพราะการบาดเจ็บกล้ามเนื้อซี่งเป็นอาการหลักและต้องเข้ารับการสแกน โกเมซเองก็ใช่ว่าจะเป็นมนุษย์เหล็กเจ็บบ่อยเหมือนกัน

 

ณ เวลานี้ โดยตำแหน่งหลัก ประสบการณ์ มาติปและโกเมซ น่าจะเป็นคู่หลัก อยู่ที่คลอปป์จะใช้ใครหมุนเวียน

 

ฟาบินโญ่ เป็นแคนดิเดตเซนเตอร์อีกคน ยิ่งธิอาโก้ อัลคันทาร่าย้ายมาจากบาเยิร์น มิวนิค เข้าใจได้ว่า คลอปป์มองว่ามิดฟิลด์บราซิเลี่ยนคือเซนเตอร์อีกคนหากจำเป็น เมื่อพิจารณาถึงการเสียลอฟเร็น และไม่เติมกองหลัง

 

นอกจากนั้น คลอปป์เคยต้องใช้นักเตะคนอื่นเล่นเซนเตอร์เช่น จอร์แดน เฮนเดอร์สันในฟีฟ่า คลับ เวิร์ลด คัพและเอฟเอ คัพ นัดเจอวูล์ฟส์ จีนี่ ไวนัลดุม เคยเป็น 1 ในกองหลัง 3 คน เกมเจอไบรท์ตันเมื่อมกราคม 2019

 

ท่ามกลางวิกฤตินี้ จะเห็นได้ว่า ลิเวอร์พูลมีทางเลือกพอสมควร ไม่นับบรรดาดาวรุ่ง บิลลี่ คูเมติโอ กองหลังฝรั่งเศสอายุ 17 ปี ซึ่งมีโอกาสในช่วงพรี-ซีซั่น รีห์ส วิลเลี่ยมส์อายุ 19 ปีในคาราบาว คัพ  เซ็ปป์ ฟาน เดน เบิร์ก กองหลังที่ได้รับการยกย่องสูงมาก  อายุ 18 ปี และเนธานเนี่ยล ฟิลลิปส์ ซึ่งประสบการณ์เยอะกว่าทุกคนในกลุ่มนี้ ด้วยวัย 23 ปี เขาอาจไม่อยู่ในแผนการตอนแรก แต่บางทีดวยโชคชะตา การเจรจาเพื่อยืมตัวไม่บรรลุผล

 

เกมแชมเปี้ยนส์ ลีกกับอาแจ๊กซ์คือบททดสอบสำคัญว่า ลิเวอร์พูลรับมือกับการเล่นโดยไม่มีฟาน ไดค์ได้ดีแค่ไหน 80 นาทีที่กูดิสัน พาร์ค แสดงให้เห็นว่า มีปัญหาทั้งมาติป โกเมซและอาเดรียน

 

17 เกม ต่อจากนี้ ทั้งแชมเปี้ยนส์ ลีกและพรีเมียร์ ลีกที่ลิเวอร์พูลเล่นโดยไม่อาจซื้อใครได้ เราจะได้เห็นลิเวอร์พูลปรับตัวเมื่อขาดนักเตะคนสำคัญ และจะได้เห็นกันว่า ฟาน ไดค์สำคัญมากแค่ไหน ส่งผลต่อการคว้าแชมป์ในปีที่น่าจะต่อยอดความสำเร็จหลังได้แชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี หรือเปล่า

ปล เราจะดูแชมเปี้ยนส์ ลีก กันทางไหนดี นี่ก็สำคัญ

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี