สปิริตสีฟ้า

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงให้เห็นถึงสปิริตอันยอดเยี่ยม

โทษแบนและปรับที่พวกเขาถูกยูฟ่าลงโทษถือว่าหนักมากนะครับ แถมยังมีปัญหาวุ่นวายตามมาไม่จบด้วยสโมสรไม่ยอมแพ้จะขอสู้ให้ถึงที่สุด

เรื่องราวที่เลยเถิดไปถึงศาลกีฬาโลกแน่นอนว่าย่อมก่อให้เกิดความไม่แน่ใจขึ้นในทีม แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป ทุกวันนี้เหมือนกับยืนอยู่บนความไม่มั่นคง

ไม่มีใครชอบความคลอนแคลน ไม่มีใครชอบความไม่แน่นอน

หากพวกเขาก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม และบางทีอาจเป็นพวกเราเองก็ได้ที่คิดกันไปเองว่าทีมเรือใบสีฟ้าจะพบกับวิกฤติ

บางคนว่าวิกฤติเบา บางคนว่าวิกฤติหนัก อันนั้นว่ากันไปตามความเชื่อและเข้าใจของแต่ละคน

บางข่าวว่าแค่รับโทษของยูฟ่า บางข่าวว่าจะถูกเล่นงานหนักกว่าเดิม ตัดแต้ม ริบแชมป์ ปรับตกชั้น.. นั่นก็ว่ากันไปตามการพิจารณาของแต่ละคนเช่นกัน

ทีมแตก นักเตะกระจัดกระจายกันไปคนละทาง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อำลาทีม นั่นก็แล้วแต่ใครจะคิด

เวลานี้แมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นเหมือนเหยื่ออันโอชะของบรรดาฉลามหิวเนื้อและได้กลิ่นคาวเลือด ไม่มีภาพด้านดีปรากฏให้เห็น เสียงวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วงในระดับตราหน้าก็มีให้เห็นมากมาย

โอเคล่ะครับผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าสุดท้ายแล้วมันคือการไม่ทำตามกติกาจริงๆ คุณก็ต้องยอมรับผลลัพธ์นั้น ทั้งผลลัพธ์โดยตรงและทางอ้อม หมดสิทธิ์ตัดพ้อ

หลายคนมองว่าแมนฯ ซิตี้จะแกว่งอย่างหนักกับปัญหานี้และน่าจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของนักเตะในทีมพอสมควร เนื่องจากนักเตะเหล่านี้คือระดับท็อปของวงการที่มีเวทีประกาศฝีเท้าอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รองรับ

ถ้าไม่ได้ไปปรากฏตัวในแชมเปี้ยนส์ ลีก มูลค่าของตัวเองจะตกลงไปด้วยมันเป็นแพล็ตฟอร์มระดับโลก ลำพังพรีเมียร์ลีกอย่างเดียวไม่เพียงพอ

ยิ่งไปกว่านั้นคือโทษแบนกินเวลา 2 ฤดูกาล 2020/21 กับ 2021/22 ซึ่งฤดูกาลหลังนี่แหละเป็นปัญหาเพราะเป็นปีฟุตบอลโลก

ตำแหน่งในทีมชาติที่การันตี ณ วันนี้ อาจไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็ได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ฟุตบอลมีเรื่องพลิกผันเกิดขึ้นมากมาย มีคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมากมาย

ไม่มีใครกล้าคิดว่านักเตะอย่าง เควิน เดอบรอยน์ เซร์คิโอ อเกวโร่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ราฮีม สเตอร์ลิง หรือใครคนอื่นๆ ในทีมเรือใบจะกระเด็นจากทีมชาติหรอกครับ นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก แต่ความเป็นไปของเกมลูกหนังเดินเร็วมาก เวลา 2 ปีนั้นเหลือเฟือสำหรับความเปลี่ยนแปลง

มันเหมือนคุณหยุดอยู่กับที่ 2 ปี ส่วนคนอื่นๆ มีผลงานให้เห็นตลอด 2 ปี อะไรที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็อาจจะเป็นไปได้

จึงไม่แปลกที่จะมีความคิดกันว่าแมนฯ​ ซิตี้อาจเจอมรสุมลูกใหญ่กว่าโทษแบนของยูฟ่าถ้านักเตะสตาร์ดังไม่เต็มใจที่จะอยู่รับใช้ทีมอีกต่อไป

ถ้าโทษนั้นเหลื่อมปีช้าหรือเร็วกว่านี้อีกสักปี เป็น 2021/22 กับ 2022/23 หรือ 2019/20 กับ 2020/21 ก็อาจจะไม่ชวนให้รู้สึกกังวลมากนักเรื่องการติดทีมชาติไปเล่นทัวร์นาเม้นต์ใหญ่เพราะมันมาถึงก่อนตั้งแต่โทษแบนปีแรก เครดิตของพวกเขาเหล่านี้ยังมีเหลือเฟือสำหรับคนเป็นโค้ชทีมชาติ

จังหวะเวลาที่ดูจะไม่ลงล็อกและไม่เอื้อกับแมนฯ ซิตี้เลยนี้จึงชวนให้เกิดความรู้สึกวงกว้างที่ว่า “อาจจะแพแตก” ขึ้น

ก็เป็นธรรมดาครับ ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นขึ้นสิถึงจะแปลก แล้วที่สำคัญทุกการคาดการณ์ที่เกิดขึ้นต่างก็มีเหตุผลที่เหมาะสมรองรับ

อย่าลืมว่าการเจรจาเรื่องสัญญาของนักเตะหรือบุคลากรในสโมสรคงต้องมีรายละเอียดมากขึ้น ด้วยเงื่อนไขที่เปลี่ยนไป

คนที่มีสัญญาอยู่ก็คงอยากคุยสัญญาใหม่ เพราะสถานการณ์ตอนเซ็นสัญญาไม่ได้เป็นแบบนี้ คนที่กำลังจะต่อสัญญาก็คงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ด้วยข้อเท็จจริงที่ไม่เหมือนเดิม

คนเรามีสิทธิเลือกทางเดินของตัวเอง จะแปลกตรงไหนถ้านักเตะเรือใบจะทยอยเดินออกไปจากทีม

อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาจากพวกเขาในเกมสำคัญทั้งกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ เลสเตอร์ ซิตี้ กลับทำให้เราเห็นว่าท่ามกลางมรสุมที่โหมกระหน่ำ กำลังใจของพวกเขายังดีอยู่

นี่เป็น 2 เกมยากที่เข้ามาในช่วงเวลาที่ทุกสิ่งกำลังอึมครึม เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่งมันก็เป็นโอกาสใช้ผลงานในสนามตอบข้อสงสัยทุกคนไปในตัว

คิดว่าพวกเราจะพังใช่ไหม เดี๋ยวเราจะทำให้ดูว่าพวกคุณคิดผิดและคิดอะไรไปไกลกว่าที่เป็นจริงเยอะ

พวกคุณด่วนตัดสินเราเกินไป คิดแทนพวกเรามากเกินไป พวกเราโตและแข็งแกร่งพอที่จะเข้าใจสิ่งต่างๆ เหล่านี้

ก็อย่างที่ อายเมริค ลาป๊อร์กต์ ปราการหลังของแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีกบอกไว้นั่นล่ะครับ นักเตะซิตี้ทุกคนเป็นมืออาชีพ เล่นฟุตบอลเป็นอาชีพเลี้ยงปากท้อง ลงสนามไปก็ต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดให้คุ้มกับค่าจ้างที่ต้นสังกัดจ่ายให้

มัวคิดหยุมหยิมเรื่องอนาคต ไร้สมาธิกับเกม ไม่สนใจต้นสังกัด นั่นต่างหากไม่ใช่มืออาชีพ

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นรายการยอดปรารถนาก็จริงแต่การที่คุณเป็นนักฟุตบอลอาชีพคุณย่อมมีหน้าที่ลงเล่นให้ดี ง่ายๆ แค่นั้นไม่ซับซ้อน ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาบันดาลใจว่าเกมนี้อยากเล่น เกมนั้นไม่อยากเล่น

ชัยชนะเหนือขุนค้อนและจิ้งจอกสีน้ำเงินคือคำตอบที่ชัดเจน แน่นอนด้วยมาตรฐานของพวกเขานั้นผ่าน 2 เกมนี้ได้แน่ แต่อย่าลืมว่าสถานการณ์มันไม่ปกติ แรงกดดันและการจับตามองจากรอบด้านมหาศาล

เกมเจอเวสต์แฮมก็เลื่อนมาจากกำหนดเตะเดิมที่ควรจะเป็น เตรียมตัวฟรีไม่พอยังทำให้เวลาพักน้อยกว่าทีมอื่นร่วมลีกเข้าไปอีก การผิดแผนลักษณะนี้ไม่มีใครอยากเจอ แต่ถ้าเจอจริงๆ ก็ต้องถือว่าดวงซวยไป

ส่วนเกมเยือนเลสเตอร์นั้นยากระดับห้าดาว อดีตแชมป์เมื่อปี 2016 มองสูงถึงตำแหน่งรองแชมป์ เต็มไปด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ ทั้งยังได้เล่นในรังของตัวเอง

เปิดบ้านรับซิตี้ที่กำลังปวกเปียกในสายตาของผู้คน ไม่มีโอกาสไหนเหมาะไปกว่านี้อีกแล้วที่จะขย้ำทีมมหาอำนาจรายนี้

แต่ก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นล่ะครับ ทั้งขุนค้อน ทั้งจิ้งจอก ไม่มีทีมไหนได้แต้มติดมือทั้งคู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีทีมไหนทำประตูทีมที่กำลังระส่ำปั่นป่วนที่ว่านั้นได้สักประตู

เวสต์แฮมแพ้ 0-2 เลสเตอร์แพ้ 0-1

ถ้าจะคิดว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โยนผ้าแล้ว ยอมศิโรราบแล้ว พังทลายแล้วจากการลงโทษของยูฟ่า.. คิดได้ แต่อย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น

เพราะฟุตบอลมีเรื่องศักดิ์ศรีของความเป็นมืออาชีพอยู่ด้วย ไม่มีใครอยากลงสนามไปเพื่อแพ้หรอก

สภาพแวดล้อมโดยรอบจะเป็นอย่างไรไม่รู้ ใครจะคิดอย่างไรไม่สน เราแค่ทำหน้าที่ของเราให้ดี แล้วมันก็จะดีเอง

ยิ่งกับเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีกที่ตัวเองยังลูกผีลูกคนในอีก 2 ฤดูกาลหน้า ก็ยิ่งเป็นศักดิ์ศรีที่จะต้องรวมพลังกันไปให้ถึงจุดหมายให้ได้ในซีซั่นนี้

ซีเรียส เน้นๆ และมองทุกเกมเหมือนนัดชิงชนะเลิศ

เริ่มจาก เรอัล มาดริด พุธนี้ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว จะไม่ได้เจอกับทีมที่ซังกะตายกับชีวิตแน่นอน

ป้าพล็อต

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความก่อนหน้า :: บทความลิเวอร์พูล