เตรียมพร้อม-ทางออกจากวิกฤติโดยคลอปป์

ลิเวอร์พูลโดดเด่นท่ามกลางปัญหา นักเตะบาดเจ็บ ความเหนื่อยล้า

ที่จริงลิเวอร์พูลควรกระเสือกกระสนและพ่ายแพ้

ไม่ต้องทวนให้เสียเวลาว่าขาดใครบ้าง เอาเป็นว่า นับตั้งแต่เยอร์เก้น คลอปป์เข้ามาเมื่อตุลาตม 2015 เขาไม่เคยประสบปัญหานักเท่านี้มาก่อน ชนิดเหลือเซนเตอร์ตัวหลักแค่คนเดียว

ขาด 3/4 กองหลังชุดแชมป์ ขาดมิดฟิลด์ 2/3 คนจากชุดแข็งแกร่งที่สุด ขาดดาวยิงสูงสุดเพราะติดโควิด

6 นักเตะที่ต้องเป็นตัวจริงแน่ๆ ลงไม่ได้ เบรกทีมชาติกลายเป็นคลอปป์และสตาฟอยู่ไม่สุข บางคนทำท่าว่าจะดีกลับเจ็บมาให้สโมสรดูแล อาทิ เซอร์ดาน ชาคีรี่ เจ็บแบบไม่มีข่าวกลับมาจากสวิส

เทียบกับฤดูกาลที่แล้ว เหมือนเกมบ๊อกซิ่งเดย์ ลิเวอร์พูลไปเยือนคิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม หลังกรำศึกฟีฟ่า คลับ เวิร์ลด์ คัพ จากกาตาร์ และเลสเตอร์กำลังร้อนแรง ได้รับการยกย่องว่า นี่แหละพร้อมจะสร้างสิ่งที่โลกตะลึงอีกครั้ง การคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกอีกสมัย

ปรากฏว่า เลสเตอร์โดนสยบหมอบราบ 4-0 เหมือนเมื่อวันอาทิตย์ที่แอนฟิลด์

ลิเวอร์พูลไม่ครบเครื่องในรายชื่อนักเตะ แต่เล่นได้ดีเยี่ยม ไม่มีที่ติแม้แต่น้อยหรือสักคนเดียวที่ผิดพลาด

คลอปป์ทำได้อย่างไร ด้วยเวทมนต์ จิตวิทยาหรือวิทยาศาสตร์

เบรกทีมชาติคือจังหวะที่ลิเวอร์พูลอำลาเมลวู้ดสู่เคอร์บี้ นั่นอาจทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีสนับสนุนการวิเคราะห์เกม นักเตะกระจายสู่ทีมชาติต่างๆ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ลิเวอร์พูลส่งเครื่องเช่าเหมาลำรับนักเตะเพื่อลดขั้นตอนต่างๆ ความสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัยกลับสู่เมอร์ซี่ย์ไซด์ ขณะที่หมอนวดกล้ามเนื้อพยายามเต็มที่เพื่อฟื้นฟูร่างกาย

นั่นคือคำตอบว่า ทำไมลิเวอร์พูลยังผลงานดีท่ามกลางปัญหารุนแรงขั้นวิกฤติ

การเตรียมการที่ดี เช่นการย้ายบ้าน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็โอเค เบรกทีมชาติ เราย้ายกันเลย ทุกอย่างวางแผนล่วงหน้า ก่อนคลอปป์อนุมัติให้ดำเนินการ

คลอปป์มีปรัชญาว่า ต้องซ้อมเหมือนการเล่น คงความเข้มข้นของเกมให้ได้ เพราะฉะนั้นนักเตะทุกคนรู้ดีว่า ต้องเจออะไรสำหรับการทำงานปกติ แม้แต่นักเตะจากอาแคเดอมี่ที่ได้รับการเรียกสู่ทีมชุดใหญ่

เบรกทีมชาติ ส่งให้ทีมมีโอกาสเตรียมความพร้อมน้อยลง เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องแม่นยำ เนื้อๆ เน้นๆ ไม่น้ำท่วมทุ่ง

“นักวิเคราะห์ที่ดี ทำให้ทุกอย่างง่าย ไม่ใช่ซับซ้อน” เป็ป ไลน์เดอร์ส เบอร์สองของลิเวอร์พูลกล่าว และหมายถึงอัจฉริยะของปีเตอร์ คราเวียตซ์ ที่สามารถเลือกสิ่งที่จะสื่อสารกับนักเตะในช่วงเวลาจำกัดได้

การเล่น 3-4-2-1  หรือ 5-4-1 ของเลสเตอร์ ทำให้เกิดช่องว่างหลังวิงแบ็ค คือจุดที่ลิเวอร์พูล อาศัยความเร็วของซาดิโอ มาเน่และดีโอโก้ โชต้าโจมตี เช่นเดียวกับ จุดอ่อนอื่นสำหรับการเล่นงานด้วยลูกตั้งเตะ เป้าหมายคือ จอนนี่ เอแวนส์ นำไปสู่การโหม่งเข้าประตูตัวเอง และประตูของบ๊อบบี้ ฟีร์มีโน่ จากลูกเตะมุม

และการโหม่งประตูของโชต้า ซึ่งเกิดจากการต่อบอล 30 ครั้ง ยาวนานที่สุดของลิเวอร์พูลนับแต่มี OPTA Stats  ตั้งแต่ปี 2006-07 โชต้ายิงแล้ว 8 ประตูใน 12 เกมและ 4 ประตูใน 4 เกมรวดที่แอนฟิลด์

เมื่อผู้เล่นแต่ละคนทยอยเจ็บเหมือนใบไม้ร่วงทีละใบ แฟนบอลไม่น้อยบอกว่า เห็นไหมบอกแล้ว ไม่ยอมซื้อกองหลัง ซึ่งอันนั้นตอบได้ทันทีว่า ใครจะคิดว่า มันจะเจ็บกันทุกตำแหน่งพร้อมๆกัน และเจ็บหนักแบบฟาน ไดค์กับโกเมซ บางคนหาข้อมูลแล้วบอกว่า มกราคมต้องซื้อคนนั้นคนนี้ และบางคนเริ่มทำใจ เอาว่ะ ไม่ได้แชมป์ปีนี้ หรือไม่มีลุ้น ก็แก้ตัวได้ไม่ยาก

เยอร์เก้น คลอปป์ไม่เคยบ่นอะไรเรื่องนักเตะบาดเจ็บ นอกจากบอกว่า ลีกควรอนุญาตให้เปลี่ยนตัวสำรองได้ 5 คน เพื่อสุขภาพนักเตะ

ระหว่างเกม เจมี่ วาร์ดี้ ถูกจับตาย ได้บอล 11 ครั้ง มีโอกาสยิง 2 ครั้ง ผ่านบอลได้ 72 % และมีการจ่ายสำคัญแค่ 2 ครั้ง เช่นเดียวกับเจมส์ แมดดิสัน ผ่านบอล 33 ครั้ง ความแม่นยำ 75.8 % มีการจ่ายบอลสำคัญ 4 ครั้ง ได้ยิง 1 ครั้ง นั่นคือผลงานของผู้เล่นสำคัญเลสเตอร์ตลอด 90 นาที

มาจาก 2 เซนเตอร์ ฟาบินโญ่และมาติป กับแผงมิดฟิลด์ที่พยายามครองพื้นที่และตัดบอลฝ่ายตรงข้าม เคต้า ไวนัลดุม ซี่งต้องกลายเป็นนัมเบอร์ 6 เต็มตัว และเคอร์ตีส โจนส์ นักเตะอาแคเดอมี่ซึ่งเป็นตัวจริงนัดที่ 3 ในพรีเมียร์ ลีก สำหรับจีนี่ ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลครบ 200 นัด เป็น 150  นัดในพรีเมียร์ ลีก ในจำนวนนั้น จีนี่เก็บชัยชนะได้ 133 นัด เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรสำหรับการเก็บชัยชนะจากการเล่น 200 เกม มากกว่าอลัน เคนเนดี้ (131) แกรี่ กิลเลสพี (126)  สตีฟ แม็คมาน (123) และเอียน รัช (122)

หากแบรนดัน ร็อดเจอร์ส จะเลือกเป้าหมายโจมตี เจมส์ มิลเนอร์ อดีตลูกทีมเมื่อครั้งคุมลิเวอร์พูล อาจเป็นหนึ่งในนั้น ด้วยวัย 34 ปี มิลลี่อาจเป็นเหยื่อนักเตะเลสเตอร์ที่สดกว่าเรื่องอายุ แต่เปล่าเลย มิลเนอร์อาศัยความเก๋า นอกจากไม่เสียในเกมรับ เกมรับเขาวางบอลให้โชต้างามได้หลายครั้ง เช่นเดียวกับแอนดี้ โรเบิร์ตสัน ซึ่งมี 26 แอสซิสตนับจากต้นฤดูกาล 2019-20 สูงสุดในพรีเมียร์ ลีกเท่าอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ 31 แอสซิสต์จากปี 2017-18 ฤดูกาลแรกของร็อบโบ้จากฮัลล์

บ๊อบบี้ ฟีร์มีโน่ อาจเล่นด้วยความกดดัน จากตัวเองหรือแฟนบอล แต่ไม่ใช่จากทีมลิเวอร์พูล เห็นจากการดีอกดีใจของทุกคนในสนาม เมื่อเขาทำประตูได้เสียที “บ๊อบบี้ เป็นคนโชคร้ายที่สุดในโลกตลอด 80 นาทีแรก ผมว่าเขาเล่นดี และดีใจเมื่อเขายิงได้ เราทุกคนดีใจที่มีนักเตะดีๆในทีม ทุกคนผลักดันกัน ทุกคนเล่นตรงไหนก็ได้ที่ทีมต้องการและทำหน้าที่ได้ดี”

คลอปป์ บอกว่า “บ๊อบบี้สมควรได้รับสิ่งนี้ เขาเล่นดี นั่นคือสิ่งสำคัญ เมื่อเขายิงได้ คุณคงมองมองว่า ผู้เล่นทุกคนคิดว่า ถูกต้องแล้ว นี่แหละคนที่เราอยากให้ยิงได้”

ความสำเร็จเพิ่งเกิดขึ้น ดีใจได้เดี๋ยวเดียว คลอปป์มองถึงงานชิ้นต่อไป แชมเปี้ยนส์ ลีก และไบรท์ตัน ที่ลิเวอร์พูลต้องเล่นตอนเที่ยงครึ่งวันเสาร์ สิ่งที่เขาต่อต้านมาตลอด แต่ BT Sport ให้ของขวัญคริสต์มาสที่เขาไม่ต้องการ

ลิเวอร์พูลอยู่ท่ามกลางพายุใหญ่ อีก 10 นัดกว่าจะปีใหม่ สามารถเสริมทีมได้หากคลอปป์และลิเวอร์พูลต้องการ

สำหรับผมมองว่า ลิเวอร์พูลอาจไม่รีบซื้อเพื่อแก้ปัญหา เพราะโดนโก่งราคาและกว่าจะให้นักเตะเล่นได้เข้าระบบเป็นเรื่องยาก อย่าเพิ่งว่า จะจุดติดทันทีแบบดีโอโก้ โชต้า แต่นั่นเพราะลิเวอร์พูลติดตามโชต้ามานาน พอรู้ทางกัน ส่วนกองหลังในสถานการณ์นี้ ผมไม่คิดว่า ลิเวอร์พูลจะรีบหาตัวแทนเวอร์จิล ฟาน ไดค์ในตลาดไว้ล่วงหน้านานขนาด  แถมมีเด็กรอให้ใช้งานอีก 2 คน

มองแล้วเหมือนยุคแมนฯ ยูฯของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่สามารถผลักดันนักเตะจากทีมเยาวชน จนสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ได้ต่อเนื่อง การซื้อเพิ่มสร้างแกนทำได้ แต่จะให้อยู่ยงต้องพัฒนาขึ้นมาเอง นี่อาจเป็นสิ่งที่ปาทรีซ เอฟร่า ไม่ได้บอกเรา หลังอดยินดีกับบ๊อบบี้ ฟีร์มีโน่ที่ทำประตูเลสเตอร์

เขาบอกว่า ดูแล้วนึกถึงแมนฯ ยูฯ และผมตีความว่าเป็นแบบนี้

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล.  

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี