ทีมในฝันของคลอปป์ ไม่มีอยู่จริง

ลองนึกภาพนะครับ 11 ตัวจริงดีที่สุดในการทำสถิติไม่แพ้เกมพรีเมียร์ ลีก

ลองนึกภาพนะครับ 11 ตัวจริงดีที่สุดในการทำสถิติไม่แพ้เกมพรีเมียร์ ลีก

64 นัดติดต่อกันที่แอนฟิลด์ยุคเยอร์เก้น คลอปป์คือใครบ้าง ไม่นับรวมธิอาโก้ อัลคันทาร่าและดีโอโก้ โชต้า

ลองนึกภาพนะครับ 11 ตัวจริงดีที่สุดในการทำสถิติไม่แพ้เกมพรีเมียร์ ลีก

 

 

 

จะบอกให้ว่า คลอปป์ไม่เคยบอกว่า เราต้องมีนักเตะดีที่สุดหรือทีมในฝัน แต่เขาจัดทีมเท่าที่มีอยู่ตลอดมา

 

23 เมย 2017 ลิเวอร์พูลแพ้คริสตัล พาเลซ 1-2 คือนัดสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลแพ้ในแอนฟิลด์สำหรับเกมลีก เกมต่อมาออกเยือนวัตเฟิร์ดที่วิคาร์เรจ โร้ด สามารถเก็บชัยชนะได้ 1-0 แต่ 7 พฤษภาคม เสมอเซาแธมป์ตัน 0-0 คือจุดเริ่มต้นของ 64 เกมที่ยอดเยี่ยม เบ็ดเสร็จมีนักเตะ 40 คนลงเล่นในแอนฟิลด์

 

ใน 40 คนนี้ มี 32 คนเล่นเกิน 100 นาที หรืออย่างน้อยคนละ 1 แม็ทช์ และ 18 คนเล่นเกิน 1,000 นาที หรือ 11 เกม

 

เวอร์จิล ฟาน ไดค์คือกองหลังดีที่สุดของทีมที่มีอยู่ เมื่อเทียบตัวต่อตัว แต่บิ๊กเวิร์จมีส่วนกับสถิติดังกล่าวแค่ 15 เกม นับตั้งแต่นัดแรกที่แอนฟิลด์ในลีก เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2018 เสมอท็อตแน่ม 2-2 เขาไม่ได้เล่นในเกมชนะแมนฯ ซิตี้ 4-3 กลางเดือนกันยายน โดยรวม VVD เล่นมากสุดเป็นลำดับ 6 ของทีมลิเวอร์พูลในบรรดานักเตะที่ไม่แพ้ตลอด 64 เกมดังกล่าว คิดเป็นนาทีคือ 4,466 นาที

 

กองหลังที่เล่นมากที่สุดคือแอนดี้ โรเบิร์ตสัน 4,949 นาที สูงสุดเป็นลำดับ 3 ของนักเตะทุกตำแหน่งด้วย

 

นักเตะที่เล่นมากสุดในช่วง 64 เกมคือ…

 

โม ซาลาห์ เล่น 60 จาก 63 เกม รวมแล้ว 5,442 นาที ยิงได้ 51 ประตู สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ควรยิงได้ 41.4 % มี 20 แอสซิสต์ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนิดหน่อย คือ 20.83 % จ่ายบอลสำคัญสำเร็จ 53 ครั้ง (Key Pass หมายถึงบอลที่ทำให้เพื่อนได้โอกาสยิง)

 

ลงเล่นมากสุดเป็นลำดับสองคือบ๊อบบี้ ฟีร์มีโน่

 

เล่นน้อยกว่าซาลาห์ 1 นัด คือ 59 เกม 4,972 นาที ซาดิโอ มาเน่ไม่น้อยกว่าเท่าไร เป็นนักเตะลงสนามสูงสุดลำดับ 5 4,746 นาที ตัวเลข 3 ทหารเสือสูงทุกคน เราคุ้นตาว่า พวกเขาเล่นด้วยบ่อยมาก แทบไม่เปลี่ยนเลย

 

ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น มาเน่ ฟีร์มีโน่ ซาลาห์เล่นด้วยกันแค่ 36 นัดใน 63 นัดก่อนเกมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ด้วยระบบที่ไม่ใช่ 4-3-3 เสมอไป มี 4-2-3-1 บ้าง และ4-4-2 ในเกมกับแมนฯ ยูฯ นั่นคือ 1 ครั้งที่คลอปป์ใช้การเล่นแบบนี้ ก่อนปรับในเกมกับแมนฯ ซิตี้และครึ่งหลังกับเลสเตอร์

 

มิดฟิลด์ เป็นตำแหน่งที่คลอปป์หมุนเวียนมากที่สุด จีนี่ ไวนัลดุมเป็นผู้เล่นแดนกลางคนเดียวที่มีนาทีลงเล่นติด 5 อันดับแรกของทุกคนในทีม 4,789 นาที (มากเป็นลำดับ 4 ของทีม) เหนือกว่ามาเน่เล็กน้อย

 

ผู้รักษาประตูก็เปลี่ยนเยอะ เพราะการบาดเจ็บและโดนแบนของอลิซง ขณะเดียวกัน กองหลัง 4 คนที่เราบอกว่ายอดเยี่ยม โดนคลอปป์สลับผู้เล่นถึง 23 ชุด

 

มีแค่ 3 ชุดที่เล่นด้วยกันมากกว่า 5 เกม โดย 3 คนนี้เล่นด้วยกัน 37/63 เกม

 

กองหลัง 4 คนที่เล่นด้วยกันมากที่สุดคือ โรเบิร์ตสัน ฟาน ไดค์ เดยัน ลอฟเร็นและอเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่คู่เซนเตอร์ที่เล่นด้วยกันมากสุดคือ ฟาน ไดค์กับโจ โกเมซ เล่นด้วยกันทั้งหมด 18 เกมจาก 63 เกม โกเมซเป็นตัวจริงมากกว่าลอฟเร็นแค่ 3 เกม

 

โจ โกเมซไม่ได้เริ่มเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์ ครั้งแรกของเขากับกองหลังตัวกลาง คือเกมกับเวสต์ แฮมเมื่อธันวาคม 2018 แต่ไม่ได้เล่นติดต่อกันเกิน 2 นัดในตำแหน่งเซนเตอร์ จนกระทั่ง 1 ปีต่อมา 14 ธันวาคม 2019 กับวัตเฟิร์ด จากเกมนี้ถึงการบาดเจ็บของฟาน ไดค์เมื่อ 17 ตุลาคม 2020 เขาเล่นกับบิ๊กเวิร์จ 13 เกมติดต่อกันที่แอนฟิลด์

 

โกเมซโดนสลับเล่นทั้งแบ็คขวาและเซนเตอร์ แต่หลังจากได้เล่นเซนเตอร์ต่อเนื่อง เขาจำเป็นต้องเล่นแบ็คชวาอีกครั้งเดียว นั่นคือการเปลี่ยนตามแท็คติก แทนอาร์โนลด์เกมแมนฯ ซิตี้เมื่อตุลาคม 2018

 

นี่คือเรื่องสำคัญ แรกเริ่มโกเมซไม่ใช่เซนเตอร์ของลิเวอร์พูล แต่เล่นแบ็คขวา สลับกับเนธาเนี่ยล ไคล์นและ TAA เล่น 10 จาก 20 นัดแรกในฐานะแบ็คขวา นอกจากนี้เมื่อขยับเล่นเซนเตอร์ เดยัน ลอฟเร็นและโจเอล มาติป คือตัวเลือกอันดับ 1-2 กับ VVD ไม่ใช่โกเมซ

 

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาล 2019-20 เมื่อลอฟเร็นและมาติปบาดเจ็บบ่อย โกเมซได้เล่นเซนเตอร์ต่อเนื่อง และกลายเป็นกำลังหลักสำหรับปี 2020-21 จนกระทั่งทั้งสองคนบาดเจ็บ

 

เรื่องนี้อธิบายข้อเท็จจริงว่า ตั้งแต่ลิเวอร์พูลเริ่มแสดงความโดดเด่นตั้งแต่ฤดูกาล 2017-18 เยอร์เก้น คลอปป์ไม่ได้ใช่กองหลัง 4 คนแบบตายตัว จนแฟนบอลเกิดความกังวลว่า กองหลัง3 / 4 คนบาดเจ็บจะทำให้ทีมเสียศูนย์ หรือพูดง่าย คลอปป์เจอสถานการณ์นี้มาแล้ว บ่อยเสียด้วย

 

จนโกเมซ โรเบิร์ตสันและ TAA ได้โอกาสแจ้งเกิด

 

การหมุนเวียนนักเตะเป็นสิ่งจำเป็นก่อนโกเมซเล่นกับ VVD ลอฟเร็นคือเจ้าของตำแหน่ง เล่นกับยอดกองหลังดัตช์ติดต่อกัน 5 เกม จากนั้นคลอปป์หมุนเวียนนักเตะ สลับลอฟเร็น โกเมซและมาติป ช่วงที่มาติปเล่นต่อเนื่องมากสุดที่แอนฟิลด์คือ 19 มกราคม จนถึง 14 เมษายน 2019 เล่น 7 นัดติดต่อกันที่แอนฟิลด์ ยาวนานที่สุดเท่าที่มาติปเล่นต่อเนื่อง เท่ากับผลงานช่วงก่อนหน้าระยะเวลาดังกล่าว

 

ฟาน ไดค์กับโกเมซเล่นด้วยกัน 18 จาก 63 เกม ไม่เสียประตู 11 เกม (3 เกมเจอบิ๊ก 6) มากกว่าคู่ระหว่าง ฟาน ไดค์-ลอฟเร็น เล่นด้วยกัน 15 เกม ฟาน ไดค์-มาติป เล่นด้วยกัน 13 เกม โดยสองชุดนี้ มีคลีนชีตคู่ละ 6 ครั้ง

 

แล้วทีมชุดดีที่สุดล่ะ 11 ตัวจริงนั้น มีใครบ้าง แล้วพวกเขาได้เล่นด้วยกันกี่นัด

 

 

น่าจะมี 8 คนที่มีโอกาสเล่นด้วยกันบ่อยสุดคือ ประตู อลิซง กองหลัง 4 คน โรเบิร์ตสัน ฟาน ไดค์ โกเมซ และอาร์โนลด์ กองหน้า 3คน มาเน่ ฟีร์มีโน่และซาลาห์ ยังไม่นับโชต้าและอัลคันทาร่านะครับ

 

ชุดนี้เล่นด้วยกันแค่ 10 จาก 63 เกมระหว่างทำสถิติไม่แพ้ติดต่อกันที่แอนฟิลด์

 

แผงกลางโดนหมุนเวียนมากที่สุด เรียกว่า ไม่มีสูตรตายตัวสำหรับคลอปป์ แล้วแผงกลางที่คลอปป์ใช้บ่อยที่สุดคือ ทายถูกไหม…

 

ไวนัลดุม ฟาบินโญ่และนาบี เคต้า คือชุดดังกล่าว เล่นด้วยกัน 15 นัด(เมื่อเจอทีมใหญ่อย่างอาร์เซน่อล เชลซี แมนฯ ซิตี้ แมนฯ ยูฯและท็อตแน่ม แผงกลางชุดนี้มีโอกาสเจอทั้ง 5 ทีม 3 ครั้ง) ขณะที่เกมรับดีที่สุด 5 คน และกองหน้าดีที่สุด 3 คน เล่นด้วยกันแค่ 2 ครั้ง (เจอแมนฯ ยูฯ และเชลซี อย่างละเกม)

 

การเจอบิ๊ก 6 แมนฯ ยูฯ แมนฯ ซิตี้ เชลซี สเปอร์สและอาร์เซน่อล (อย่างละ 3 นัด) รวม 15 นัด ด้วยกองหลัง 5 คนและกองหน้า 3 คนชุดดีที่สุด มีโอกาสเล่นแค่ 2 จาก 15 เกมนี้ (เจอแมนฯ ยูฯและเชลซีอย่างละ 1 นัด) เพราะสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องเปลี่ยน ตั้งแต่ผู้รักษาประตู มินโญเล่ต์กับคาริอุส อาเดรียนกับอลิซง โดยโกเมซเล่นแบ็คขวา มาติปกับลอฟเร็น สลับกันเล่นเซนเตอร์กับฟาน ไดค์

 

สำหรับผมคิดว่า กลางดีที่สุดน่าจะเป็น ไวนัลดุม ฟาบินโญ่และเฮนเดอร์สัน พวกเขาเล่นด้วยกันแค่ 3 ครั้ง และมีแค่ครั้งเดียวที่ 11 ตัวจริงในฝันเบ่นด้วยกัน เมื่อรวมกับ 8 คนที่กล่าวมา

 

นั่นคือคำตอบว่า คลอปป์ไม่ต้องจัดทีมชุดดีที่สุดลงเล่นตลอดช่วงดังกล่าว ด้วยเหตุผลของ ความฟิต นักเตะติดโทษแบน การแข่งขันฟุตบอลยุโรป ที่แทรกเข้ามาทำให้ต้องวางแผนหมุนเวียนนักเตะ หรือคลอปป์ไม่จำเป็นต้องพึ่งนักเตะไม่กี่คนเพื่อความสำเร็จ

 

จากเกมกับเซาแธมป์ตัน เมื่อ 2017 11 ตัวจริงคือ ประตู มินโญเล่ต์ กองหลัง

มิลเนอร์ ลอฟเร็น มาติป ไคล์น มิดฟิลด์ ไวนัลดุม เลว่า คูตินโญ่ กองหน้า โอริกี้

สเตอร์ริดจ์และลัลลาน่า ผล 0-0 ยิงไม่ได้และไม่เสียประตู นั่นต้องยกความดีให้

มินโญเล่ต์ ไม่เสียประตู 7 ในช่วง 63 เกมนี้ ลอริส คาริอุส ไม่เสีย 7 เกมจาก 11 นัดที่เล่น อลิซง 17 เกมจาก 37 นัด นั่นคือพื้นฐานสำคัญของการไม่แพ้ 63 เกม และยาวถึง 64 เกม

 

คนอื่นละ โมเรโน่ เล่นแบ็คซ้าย ทีมชนะ 4 เสมอ 3 มี 5 คลีนชีต เป็นการเจอบิ๊ก 6 3 เกมด้วยกัน ใน 7 เกมที่ชนะ มีอลิซงเป็นผู้รักษาประตูแค่นัดเดียว

 

ช่วงดังกล่าว จอร์แดน เฮนเดอร์สันเล่นแบ็คขวาด้วย มิลเนอร์เล่นแบ็คขวา 2 ครั้ง เช่นเดียวกับแบ็คซ้ายอีกหลายเกม คลาวานเล่น 9 นัด โดย 7 นัดที่คลอดสลับแผงหลัง 4 คน นักเตะหลายๆคนมีบทบาทในผลงานยอดเยี่ยมเหล่านี้

 

11 ตัวจริงดีที่สุด ไม่ใช่คำตอบหรือเหตุผลหลักในความสำเร็จของเยอร์เก้น คลอปป์ เขานำลิเวอร์พูลฝ่ามรสุมมากกว่าที่เราคิด และเจอในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นอย่าประหวั่นกับสถานการณ์บาดเจ็บ ณ เวลานี้ จะกี่คนก็ตาม หากไม่มั่นใจให้ย้อนดูชช่วงเวลาเหล่านี้ การไม่แพ้ในบ้านติดต่อกัน 64 นัด ไม่มีลิเวอร์พูลชุดไหนทำได้อีกแล้ว

 

“ผมบอกเสมอ ตราบใดที่มีผู้เล่ยน 11 คนในสนาม เราจะสู้เพื่อ 3 คะแนน เราทำได้ และไม่ว่าจะด้วย 11 ตัวจริงแบบไหนก็ตาม ผมบอกได้แค่นี้แหละ สำหรับอาทิตย์นี้ (เลสเตอร์) เรามีแค่ไหน เราจะสู้เท่าที่มี” เขากล่าวก่อนเกมประวัติศาสตร์กับเลสเตอร์

ปล หาก 11 ตัวจริงในฝันของคุณคือ อลิซง โรเบิร์ตสัน ฟาน ไดค์ โกเมซ อาร์โนลด์ ไวนัลดุม ฟาบินโญ่ เฮนเดอร์สัน มาเน่ ฟีร์มีโน่และซาลาห์ มันคือในฝันจริงๆ คลอปป์จัดทีมชุดนี้แค่ครั้งเดียว เมื่อ 24 กรกฎาคม 2020 ชนะคริสตัล พาเลซ 4-0 นับจากฟาบินโญ่ย้ายมาเมื่อหน้าร้อน 2018

 

เทียบเป็นตัวเลขแค่ 1.5 % ของการทำสถิติไม่แพ้ในบ้าน

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล.  

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี