#ระยะห่างที่กว้างใหญ่

#ระยะห่างที่กว้างใหญ่
นับตั้งแต่รีสตาร์ตซีซั่นกลับมา เชื่อว่าแฟนผีคงได้เห็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้คอนโทรล โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้อย่างลึกซึ้งชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ลำดับแรกสุดคือขุมกำลังแบบฟูลอ็อปชั่นก็ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะคัมแบ็กจากโรคเดี้ยงของ ปอล ป็อกบา และ มาร์คัส แรชฟอร์ด

ป็อกบา รีเทิร์นด้วยบทบาทตัวสำรอง และจัดการเรียกจุดโทษได้ในเกมตีเสมอท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 1-1 ซึ่งทักษะลีลีาชั้นเชิงความแข็งแกร่งของ ดาวเตะฝรั่งเศส ทำให้ทุกเสียงต่างลงมติเอกฉันท์เลยว่ายังไงก็ต้องลงตัวจริง หากไม่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน

ส่วนการประสานงานระหว่าง ป็อกบา กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก็คงประจักษ์แก่สายตาทุกคนไปแล้วว่าพวกเขาประสานงานร่วมกันได้จริงๆ และยิ่งเล่นก็คงยิ่งอันตราย เพราะต่างมีเซ้นส์บอลระดับโลก สามารถสร้างความแตกต่างได้ด้วยตนเอง

แมตช์กะซวก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทาง ป็อกบา สตาร์ต 11 คนแรก โดยยืนห้องเครื่องคู่กับ เนมานย่า มาติช ซึ่งบงการเกมแดนกลางได้อย่างหมดจด

พัฒนาการที่โดดเด่นของทัพปีศาจแดง เมื่อบรรดากำลังหลักลงช่วยทีมได้ครบครันคือการขับเคลื่อนเกม ผ่านบอลเท้าสู่เท้ากันไหลลื่นเพลิดเพลิน และช่วงครึ่งหลังของเกมหักดาบคู่ก็งัดออกมาโชว์กันสนุกสนาน

จบแมตช์ดังกล่าว โซลชา ให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์ที่ท่วมท้นด้วยความมั่นใจว่า ยูไนเต็ด ไม่ได้มองแค่ท็อปโฟร์ และคาดหวังได้ถึงอันดับ 3 เลยทีเดียว ซึ่งมันก็ประจวบเหมาะกับสถานการณ์ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ฟอร์มหลุดต่างจากตอนก่อนพักเบรกอย่างสิ้นเชิง

นอกจากคั่วจัดกับโควตายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่หวังเบียดเบอร์ 4 กับ เชลซี แล้ว โอเล่ ยูไนเต็ด ยังตบเท้าเข้ารอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ได้เรียบร้อย และนับเป็นครั้งที่ 30 สำหรับ ปีศาจแดง ที่หลุดมาเป็น 4 ทีมสุดท้ายในถ้วยเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ใบนี้

แต่ชัยชนะจากแคร์โรว์ โร้ด ที่ต้องลุ้นเหนื่อยหืดจับถึง 120 นาที ก็ให้ได้เห็นภาพความจริงอีกมุมของ ทัพอสูร ซึ่งยังเหลืออีกหลายขั้นตอนเลยทีเดียว หากหวังจะก้าวขึ้นไปเขย่าบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกกับสองตัวท็อปอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้

นอริช ซิตี้ เป็นทีมบ๊วยในลีกสูงสุด และ โซลชา ก็ต้องการพักกำลังหลักเพื่อถนอมความสดไว้บดบี้เกมพรีเมียร์ ดังนั้นจึงตัดสินใจเปลี่ยน 8 ตัวจริงจากเกมขยี้เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เหลือไว้เพียง กัปตันแฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์ และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส

ตำแหน่งผู้รักษาประตูไม่ใช่ปัญหา เพราะ เซร์คิโอ โรเมโร่ เป็นของสัมปทานในบอลถ้วยนี้อยู่แล้ว

แบ็กโฟร์มีทั้ง แม็กไกวร์ กับ ชอว์ คอยประคอง เอริก ไบยี่ ที่ก็เล่นได้ดีพอๆ กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ แต่ร่างกายเปราะบางเลยยืนระยะยาวๆ ไม่ไหว ส่วน ดีโอโก้ ดาโลต์ เกมรับหละหลวม ชอบเติมรุก แต่ไม่มีคุณภาพมากพอ

แดนกลาง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด เล่นกันอยู่ตลอด ก็ยังพอถูไถไปได้ เพียงแต่ยังไม่ดีพอจะกำราบมิดฟิลด์ฝั่งตรงข้ามได้

แนวรุกเพลย์เมกเกอร์ขาประจำอย่าง บรูโน่ ต้องแบกภาระหนัก เมื่อมีทั้ง เจสซี่ ลินการ์ด และ ฆวน มาต้า ขนาบอยู่สองข้าง ขณะที่หอกเป้า โอเดียน อิกาโล่ นั้นทำผลงานส่วนตัวได้น่าพอใจ แต่คงได้ดีกว่านี้ หากองค์ประกอบรอบข้างมันเอื้ออำนวยมากขึ้น

สถิติไร้พ่าย 14 เกมติดต่อกันมันเพิ่มพูนความเชื่อมั่น และกระตุ้นขวัญกำลังใจให้คึกคักฮึกเหิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ต้องยอมรับว่า ยูไนเต็ด ณ ปัจจุบัน นั้นยังมีขุมกำลังที่ดีไม่พอ สำหรับคำว่า “แกร่งทั่วแผ่น” เพราะเกิดความแตกต่างกันมากมายระหว่าง ชุดตัวจริง กับ ชุดสอง

รอย คีน มักตอกย้ำเตือนสติอยู่เสมอว่า ปีศาจแดงชุดนี้ ยังไม่ดีพอจะหวังถึงการทวงบัลลังก์แชมป์ลีก โดยชี้ว่าอุปสรรคสำคัญคือเกมรับที่ยังไม่แข็งแกร่งมากพอ

เช่นเดียวกับการทดแทนกันไม่ได้ระหว่าง “แกนหลัก” กับ “กองหนุน”

การซื้อตัวที่ใช่คือทางลัดสู่ความสำเร็จ แต่นอกจาก เจดอน ซานโช่ แล้วยังต้องพึ่งพาอีกหลายดีลเลยทีเดียว

.

.

บทความโดย :: * โรบิน *

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความก่อนหน้า :: บทความแมนยู