#ยกระดับมาอีกสเต็ป

#ยกระดับมาอีกสเต็ป

ตีสองสิบห้านาทีคืนวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายนนี้ เป็นช่วงเวลาที่บรรดาแฟนผีต่างปักหมุดล็อกเป้าไว้เรียบร้อย

ในฐานะฤกษ์งามยามดีที่ทำให้การรอคอยของเหล่าเร้ด อาร์มี่ สิ้นสุดลง หลังจากว่างเว้นจากการเชียร์ทีมรักมาร่วม 3 เดือน

ก่อนหยุดชะงักด้วยพิษภัยโควิด-19 ทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มเข้าฝักร้อนแรงชนะ 8 เสมอ 3 และไม่แพ้เลยตลอด 11 เกมหลัง

พอโดนไวรัสสกัดความยอดเยี่ยม ก็มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เมื่อรีสตาร์ตซีซั่นกันอีกครั้งแล้ว ปีศาจแดง จะรักษาโมเมนตัม และผลงานติดลมบนได้รึเปล่า เพราะมันเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ในโลกลูกหนังที่หลายๆ ทีมกลับมาแล้วไม่ดีเหมือนเก่า ทั้งๆ ที่ตัวนักเตะก็คือชุดเดิมนั่นแหละ

แต่ โซลชา คัมแบ็กเที่ยวนี้พร้อมอาวุธครบมือ เมื่อ ปอล ป็อกบา และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่เจ็บกันไปยาว ต่างฟิตร่างกายสมบูรณ์พร้อมวาดลวดลายช่วงโค้งสุดท้าย

ป็อกบา อาจมีประเด็นเรื่องนอกสนามวุ่นวายน่าเบื่อสำหรับข่าวลือย้ายทีมที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง แต่เขาเป็นตัวหลักของ โอเล่ และยืนหนึ่งสถิติแข้งที่ ยูไนเต็ด ยอมจ่ายแพงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งราคาก็สะท้อนถึงฝีเท้าอันเก่งกาจ แถมมีดีกรีแชมป์โลกเสริมสร้างบารมีมาอีกต่างหาก

ถ้าอยู่ในสภาพพร้อมทั้งกาย และใจ “ป็อกบา” ก็สามารถระเบิดฟอร์มเฉิดฉายกลบรัศมีของดาวดังรายอื่นๆ ได้สบาย แต่ภาคสองกับ ปีศาจแดง ดูเหมือนว่าช่วงเวลา และสถานการณ์หลายครั้งหลายครา มันไม่ค่อยสอดคล้องลงตัวกับเขาซักเท่าไหร่ ผลลัพธ์เลยออกมาลุ่มๆ ดอนๆ อย่างที่เห็นกัน

แล้วสาเหตุที่ ป็อกบา มักโดนด่าหนักหน่วงเป็นประจำนั้น เป็นเพราะความคาดหวังมหาศาลจากแฟนผีที่ต้องการเห็นเขาโชว์พลังแบกทีมเหมือนซุป’ตาร์ประจำทีมอื่นๆ

เชื่อว่า ป็อกบา ก็คงทราบดีว่ากองเชียร์ต้องการอะไร และพยายามสร้างความแตกต่างในเกมด้วยการงัดทักษะชั้นเชิงลีลามาสยบคู่แข่ง แต่บ่อยครั้งมันก็ย้อนศรกลับมาทำร้ายตัวเอง เมื่อเกิดข้อผิดพลาด และเสียงสบถข้อหา “ขี้แอ็ก” ชอบเล่นท่ายากก็พุ่งถล่มใส่ทันที

ส่วน แรชฟอร์ด คือดาวซัลโวสูงสุดประจำทัพอสูรซีซั่นนี้ ทั้งๆ ที่หายหน้าไปตั้งนาน ด้วยผลงาน 14 ประตูในพรีเมียร์ลีก และ 19 ลูกทุกถ้วย ซึ่งเขาตั้งเป้าหมายเลยว่าจะกลับมาสานต่อฤดูกาลที่ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้ง พร้อมปิดฉากด้วยความสำเร็จ

ปีศาจแดง ยังอยู่บนเส้นทางลุ้นแชมป์เอฟเอ คัพ (เยือน นอริช ซิตี้, อาทิตย์ที่ 28 มิถุนายนนี้) และยูโรปา ลีก (จ่อคิวเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ หลังจากบุกถล่มแอลเอเอสเค 5-0 ในเลกแรกของรอบ 16 ทีม)

แต่ภารกิจสำคัญมากสุดคือการแย่งท็อปโฟร์ และตามหลัง เชลซี อยู่ 3 คะแนน เมื่อเหลืออีก 9 เกมสุดท้าย

แมตช์แรกของการรีสตาร์ตซีซั่นของ ปีศาจแดง คือต้องไปเยือน สเปอร์ส ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่แอบหวังตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่เหมือนกัน และพอโปรแกรมโยกมาเตะ 19 มิ.ย. นี้ ไก่เดือยทอง ก็น่ากลัวอันตรายมากยิ่งขึ้น เมื่อได้ทั้ง แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน สองแนวรุกฝีเท้าจัดจ้านควงคู่กันกลับมาช่วยทีมอีกครั้ง หลังจากเจ็บยาวจนทำท่าว่าจะต้องบอกฤดูกาลนี้ไปเสียแล้ว

ภารกิจเยือนท็อตแน่มไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ที่ผ่านมา โอเล่ ยูไนเต็ด มักทำได้ดีในบิ๊กแมตช์ที่ดวลกับทีมใหญ่ๆ ก็ตาม และต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุด

เมื่อวันเสาร์ที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา บรรดานักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด คืนสู่สังเวียนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยเป็นแมตช์ซ้อมแบ่งทีมเจอกันเอง ซึ่งสองดาวดัง บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับ ป็อกบา ถูกจับอยู่คนละฝั่ง

ป็อกบา นำทีมเสื้อสีแดงที่มี มาร์คัส แรชฟอร์ด, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, เนมานย่า มาติช, เจสซี่ ลินการ์ด, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ฯลฯ ร่วมเคาะสนิม

ส่วนทีมชุดเยือนสีทุ่งหญ้าซาวันน่า มี บรูโน่ ชูโรง ผนึกกำลังกับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, แดเนี่ยล เจมส์, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, ฆวน มาต้า, เฟร็ด, อารอน วาน-บิสซาก้า, ลุค ชอว์ ฯลฯ

ขณะที่นายทวารสองฝั่งเป็น ดาบิด เด เคอา และ เซร์คิโอ โรเมโร่ โดยกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คอยควบคุมดูแลใกล้ชิด เช่นเดียวกับโค้ชฟิตเนส ชาร์ลี โอเว่น ที่สวมบทผู้ตัดสินจำเป็น

สำหรับผลการแข่งขันลงเอยด้วยสกอร์ 4-4 โดย แรชฟอร์ด สอยแฮตทริก และ ป็อกบา ยิงอีก 1 ตุงให้ทีมสีแดง ส่วน ผีแดง ชุดเยือน นั้นได้ประตูจาก บรูโน่ 2 ลูกบวกกับ มาร์กซิยาล และ แม็คโทมิเนย์

แค่ซ้อมยังเรียกความสนใจ และโกยเรตติ้งจากแฟนๆ ได้ล้นหลาม

อดทนรอกันอีกแค่อึดใจเดียว ความบันเทิงในเชิงลูกหนังที่แท้ทรูกำลังจะกลับมาหาเหล่าคอบอลแล้วครับ

.

.

บทความโดย :: * โรบิน *

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความก่อนหน้า :: บทความแมนยู