#มหากาพย์แห่งลิเวอร์พูล 30 ปีแห่งความเจ็บปวด (1989-90)

มหากาพย์แห่งลิเวอร์พูล 30 ปีแห่งความเจ็บปวด (1989-90)

 

30 ปี 58 วัน การรอคอยสิ้นสุดลง เมื่อเชลซีชนะแมนฯ ซิตี้ ลิเวอร์พูลคือแชมป์ของอังกฤษอีกครั้ง

 

สำหรับรอนนี่ โรเซนธาล ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก จากนักเตะที่แม้แต่สตองดาร์ด ลีเอชไม่ต้องการ พยายามหาเส้นทางค้าแข้งใหม่ ทดสอบฝีเท้ากับฮิเบอร์เนี่ยนและลูตัน ทาวน์ แบบไร้อนาคต ฉับพลันโทรศัพท์จากนายหน้าบอกว่า ลิเวอร์พูลอยากให้ทดสอบฝีเท้า

 

ลิเวอร์พูลกับรอนนี่ โรเซนธาลไม่น่าจะเกี่ยวพันกันได้ เพราะนั่นคือ มหาอำนาจลูกหนังแห่งยุโรป

 

โรเซนธาลไม่คิดว่า เขาจะมีโอกาสอะไรกับลิเวอร์พูล นักเตะจากโลกที่ 3 อิสราเอล เล่นฟุตบอลในลีกเล็กๆที่เบลเยี่ยม แล้วนี่ลิเวอร์พูลเขียวนะ

 

นั่นคือศูนย์กลางจักรวาลฟุตบอล มีแต่นักเตะเก่งๆ โรเซนธาลรับคำเชิญของลิเวอร์พูลให้ทดสอบฝีเท้า 10 วัน ระหว่างนั้นเขาคงมีอะไรดีจนเคนนี่ ดัลกลิชบอกใช้ได้

 

ลิเวอร์พูลเซ็นสัญญากับรอนนี่ โรเซนธาลแบบยืมตัว วันที่ 22 มีนาคม 1990 ณ ขณะนั้นคือวันสุดท้ายของการย้ายทีมที่สามารถเล่นในฤดูกาลดังกล่าวได้

 

มกราคม 1990 ลิเวอร์พูลเป็นอันดับหนึ่งของลีก นำแอสตัน วิลล่าเพราะลูกได้เสียดีกว่า แต่ดัลกลิชรู้ดีว่า หากปล่อยไปเรื่อยๆ บางทีพวกเขาอาจต้องผิดหวังติดต่อกัน 2 ฤดูกาล 21 มีนาคม ลิเวอร์พูลแพ้ท็อตแน่มที่ไวท์ ฮาร์ทเลน 0-1 เกมต่อมาเล่นกับเซาแธมป์ตันที่แอนฟิลด์ 31 มีนาคม ลิเวอร์พูลนำก่อนในนาที 15 โดยเรย์ เฮาจ์ตันเปิดให้จอห์น บาร์นส์ แต่นักบุญตีเสมอโดยพอล ไรด์เอาท์ในนาที 35 และนำต้นครึ่งหลังโดยจิมมี่ เคส อดีตนักเตะลิเวอร์พูล

 

20 นาทีสุดท้าย ดัลกลิชตัดสินใจส่งอาวุธลับที่โลกต้องฉงนว่า เขาคือใคร รอนนี่ โรเซนธาล นักเตะอิสราเอลกับฟุตบอลอังกฤษเนี่ยะนะ

 

จรวดยิว พวกเราที่สยามกีฬาเรียกกัน ลงเล่น เขายิงไม่ได้ แต่ความเร็วมีส่วนทำให้ลิเวอร์พูลกลับมา เริ่มจากรัสเซลลื ออสมานยิงเข้าประตูตัวเองในนาที 73 และเอียน รัช ยิงประตูชัย จากการเปิดของเกล็น ไฮเซ่น ลิเวอร์พูลชนะได้ 3-2

 

เกล็น ไฮเซ่นเพิ่งย้ายมาเมื่อปิดฤดูกาล พร้อมกับสตีฟ ฮาร์คเนสส์ โดยลิเวอร์พูลปล่อยจิม เบกลิให้ลีดส์และขายจอห์น อัลดริดจ์ให้เรอัล โซเซียดั่ด

 

เกมต่อมา ลิเวอร์พูลชนะวิมเบิล 2-1 และชนะชาร์ลตัน 4-1 เสมอน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 2-2 ทั้งที่น่าขนะ เพราะนำก่อน 2-0 โดยรอนนี่ โรเซนธาลและสตีฟ แม็คมาน ตั้งแต่ 15 นาทีแรก  นี่คือเกมแรกที่โรเซนธาลได้เป็นตัวจริง จากนั้น ลิเวอร์พูลเสมอกับอาร์เซน่อลในนาที 86  และชนะเชลซี 4-0

 

28 เมษายน 1990 ลิเวอร์พูลรับการมาเยือนของควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส สถานการณ์คือ หากชนะ 2 จาก 3 เกมสุดท้าย ลิเวอร์พูลเหลือเกมมากกว่าแอสตัน วิลล่า 1 เกมในวันเสาร์ที่ 28  เมษายน  พวกเขาเป็นแชมป์ทันที ไม่ต้องสนใจแอสตัน วิลล่า ตามโปรแกรมนี่ ยังไงก็แชมป์ เพราะจากควีนส์พาร์ค ก็เจอดาร์บี้ เคาน์ตี้และโคเวนทรี

 

แต่เส้นทางไม่ราบเรียบแบบนั้น ควีนส์พาร์คนำก่อนโดยรอย วีเกอร์ลี่ ตั้งแต่นาที 15  จากนั้น เครื่องจักรสีแดงพยายามเดินหน้าเต็มที่ ในที่สุดพวกเขาทำได้ เอียน รัชตีเสมอนาที 40 และจอห์น บาร์นส์ยิงจุดโทษในนาที 63 จบเกมลิเวอร์พูลชนะ 2-1 แต่ยังไม่ได้แชมป์จนกระทั่งข่าวจากวิทยุรายงานผลจากวิลล่า พาร์ค ระหว่าง แอสตัน วิลล่ากับนอริช

 

ยุคนั้น แฟนบอลพกวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเล็กๆเข้าสนามด้วย ไม่มีใครห้าม เอาอะไรเข้าสนามก็ได้แม้กระทั่งเบียร์ ขวดน้ำ วิทยุคือช่องทางรับข่าวสารเดียวสำหรับแฟนบอลในสนาม เพราะสมาร์ทโฟนยังไม่เกิด สยามกีฬาก็รับฟังวิทยุบีบีซี ภาคภาษาอังกฤษเพื่อเขียนรายงานฟุตบอลให้ทันเวลาปิดต้นฉบับ รอพวกเทเล็กซ์ไม่ทัน เพราะจะมาหลังเกมจบ สัก1 ชั่วโมง หนังสือออกจากแท่นไม่ทันรถสายส่งเป็นอันว่าเกม โดนเฉ่งรายตัวโดยเจ้านาย…

 

วิทยุรายงานว่า นอริชเสมอกับแอสตัน วิลล่า ซึ่งเป็นเกมที่พลิกผันมาก นอริชนะก่อน 3-0 โดยรูเอล ฟ็อกซ์ ดีเร็ค เมาต์ฟิลด์ยิงเข้าประตูตัวเอง และเดวิด โรซาริโอ ก่อนแอสตัน วิลล่าไล่ทวงคืน 3 ประตูรวด พอล แม็คกรัธ โทนี่ คาสคาริโน่และเดวิด แพล็ต เชื่อไหมว่า 4 ประตูสุดท้ายในเกม เกิดขึ้นในช่วงทดเวลาเจ็บ เป็นอันว่าแต้มขาด ลิเวอร์พูลได้แชมป์ลีกสมัยที่ 18 และเป็นครั้งที่ 10 ในรอบ 15 ปี

 

สุดท้ายแต้มมากกว่าแอสตัน วิลล่า 9 คะแนนเมื่อแข่งครบ 38 นัด

 

ฤดูกาลดังกล่าว คือจุดเริ่มต้นแห่งหายนะของโลกลิเวอร์พูล เมื่อแมนฯ ยูฯ คว้าแชมป์แรกกับอเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้ ชนะคริสตัล พาเลซในการรีเพลย์ ซี่งน่าจะเป็นลิเวอร์พูลที่เข้าชิงกับแมนฯ ยูฯ จากนั้นแชมป์เอฟเอ คัพ แมนฯ ยูฯ ซึ่งไม่เคยได้แชมป์ลีกเลยหลังจากปี 1967 พวกเขาคว้าแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพในฤดูกาลต่อมา แล้วก็ถึงบรรยากาศแบบลิเวอร์พูลสัมผัส ณ เวลานี้ แชมป์ลีกครั้งแรกในฤดูกาล 1992/93 ในนาม คาร์ลิ่งพรีเมียร์ชิพ

 

28 เมษายน ณ ห้องทำงานของฝ่ายต่างประเทศ สยามกีฬาเรียบร้อย ไม่มีการโหวกเหวกดีใจ แบบว่า แชมป์อีกแล้ว ผิดกับวันที่ แมนฯ ยูฯ ได้แขมป์ เอฟเอ คัพ วันที่ 12 พฤษภาคม เพื่อนร่วมกอง บก ที่เป็นแมนฯ ยูฯ ดีใจเป็นล้นพ้น เพราะเพิ่งได้สะกดคำว่าแชมป์อะไรก็ได้เป็นครั้งแรกกับท่านเซอร์

 

ที่แอนฟิลด์ ดัลกลิช ร่วมยินดีกับผู้ช่วยคือ รอนนี่ มอแรน และรอย เอแวนส์ โดยนักเตะลิเวอร์พูลวิ่งแห่ถ้วยไปรอบสนาม แค่รอบสนามนะ ไม่ใช่รอบเมืองแบบการคว้าแชมป์ยุโรปเมื่อ มิถุนายน 2019

 

โรเซนธาลเล่าว่า “เราเดินรอบสนาม โบกมือให้แฟน จากนั้นเข้าไปฉลองในห้องแต่งตัว ดื่มแมเปญกันนิดหน่อย เรียกว่า ฉลองแบบผู้ดีมากกว่า แฟนบอลหรือนักเตะลิเวอร์พูลคนอื่น ชาชินกับการได้แชมป์ ทุกคนมีความสุข แต่ไม่ถึงกับหลุดโลก” โรเซนธาลไม่ได้เหรียญชนะเลิศดิวิชั่น 1 เพราะเล่นไม่ครบจำนวนนัด

 

ขณะที่สตีฟ นิโคลได้เหรียญชนะเลิศดิวิชั่น 1 เป็นครั้งที่ 4 ใน 7 ฤดูกาล เขารู้สึกแตกต่างกับโรเซนธาล ลึกๆ ลิเวอร์พูลกำลังพบความเปลี่ยนแปลง “ตลอดฤดูกาลมีแต่ความคลุมเครือ เหมือนเมฆหมอกบดบังแอนฟิลด์ ผมว่าเพราะเหตุการณ์ 12 เดือนก่อนหน้านั้น”

 

12 เดือนก่อนหน้านั้น ลิเวอร์พูลเสียแชมป์ลีกให้อาร์เซน่อลเพราะแพ้ทีมปืนใหญ่คาแอนฟิลด์  แต่บาดแผลในใจสตีฟ นิโคล ไม่ใช่เรื่องแชมป์ลีก แต่เป็นเหตุการณ์ 6 สัปดาห์ก่อนนั้นที่เชฟฟิลด์ แฟนบอล 96 คนเสียชีวิต ณ สนามฮิลล์สโบโร่  5 สัปดาห์หลังเหตุการณ์ดังกล่าว นิโคลและเพื่อนนักเตะลงสนามเวมบลี่ย์ เล่นนัดชิงเอฟเอ คัพ และคว้าแชมป์ด้วยชนะเอฟเวอร์ตัน  3-2 เมื่อ 20 พฤษภาคม 1989 ก่อนแพ้อาร์เซน่อลที่แอนฟิลด์ 26 พฤษภาคม 1989 ด้วยสกอร์ 2-0

 

“ผมตามตรง หลังเหตุการณ์ที่ฮิลล์สโบโร่ ผมไม่มีสมาธิเหมือนเดิม ตลอดเวลาที่ผมอยู่ลิเวอร์พูล ชีวิตพวกเราใส่ใจแค่ผลงานของทีมชุดใหญ่ตอนบ่าย 3 วันเสาร์ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อฮิลล์สโบโร่ ทุกอย่างในเมืองจริงๆ มองไปทางไหนมันหมองมัวไปหมด บางเกมที่เรารู้สึกดีมาก แต่ส่วนใหญ่เราจะเซ็งๆ ไม่รู้เหมือนกันปีนั้นได้แชมป์ได้ไง อาจเพราะความสามารถของนักเตะในทีม แต่ไม่มีใจที่จะต่อสู้กับอะไร”

 

นิโคลและโรเซนธาล จำบรรยากาศในห้องแต่งตัวได้ นักเตะจับเคนนี่ ดัลกลิชแช่อ่างอาบน้ำทั้งทีมใส่เสื้อผ้าเต็มยศ รอนนี่ มอแรนเดินบอกนักเตะว่า เลิกฉลองได้แล้ว เตรียมตัวสำหรับฤดูกาลหน้า การฉลองเพียงแค่ดื่มเหล้า เบียร์ แชมเปญ เหมือนคืนวันเสาร์ทั่วไป นัยว่า อีก 12 เดือนข้างหน้า ลิเวอร์พูลก็ได้แชมป์อีก

 

“หากเรารู้ว่าต้องรอ 30 ปี เราอาจฉลองกันเต็มที่” โรเซนธาลพูดแบบเสียดาย

ใช่ครับหากเรารู้ว่าต้องรอนาน 30 ปี ผมคงฉลองกับเพื่อนๆและรุ่นพี่ที่สยามกีฬา สตาร์ซอคเกอร์ ไม่ทำว่า แชมป์ลีกคือของตาย

ปล ผมตั้งใจบันทึกเรื่องราว  ทุกฤดูกาล จากการคว้าแชมป์ ครั้งสุดท้าย 1990 จนถึง 2020 30 ฤดูกาล

.

.

บทความโดย กิตติกร อุดมผล

Facebook fanpage: Captain No.12

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความก่อนหน้า :: บทความลิเวอร์พูล