ฟุตบอลลีกอังกฤษก่อตั้งเมื่อคศ.1888 มี 12 สโมสร ก่อนเพิ่มเป็น 92 ทีมในปี 1950
ครบ 4 ดิวิชั่นแบบปัจจุบัน จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อปี 1990
นำโดยบิ๊ก 5 ลิเวอร์พูล แมนฯ ยูฯ อาร์เซน่อล ท็อตแน่มฯ และเอฟเวอร์ตัน อยากเจรจาลิขสิทธิ์โทรทัศน์เองและแยกตัวจากฟุตบอลลีกสถาบันเริ่มต้น
17 กรกฎาคม 1991 สมาชิกชุดก่อตั้งลงนามรับร่างแนวทางจัดตั้งเอฟเอ พรีเมียร์ ลีก ซึ่งพวกเขาสามารถเจรจาผลประโยชน์เอง โดยเฉพาะลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด แยกจากสมาคมฟุตบอลและฟุตบอลลีก เจ้าแรกที่เจรจาคือBskyB ได้สิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ ลีกในประเทศอังกฤษ เริ่มจากวันเสาร์คู่ดึก วันอาทิตย์และวันจันทร์
โดยปกติก่อนหน้านั้น ฟุตบอลอังกฤษถ่ายทอดสดในอังกฤษเฉพาะนัดสำคัญ เจ้าของลิขสิทธิ์คือ ITV ส่วน BBC ได้สิทธิ์จัดรายการ Match of the day เวลา 23.00 น (เวลาอังกฤษ) นำเสนอไฮไลท์การยิงประตู การถ่ายทอดสดวันเสาร์ไม่มีเพราะต้องการให้คนดูเข้าสนาม จนกระทั่งยุคโควิค จึงมีการถ่ายทอดสดวันเสาร์ เพราะแฟนบอลเข้าสนามไม่ได้
ปี 1992 สโมสรดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1991-92 ลงนามร่วมแยกตัวจากฟุตบอล ลีก และ 27 พฤษภาคม 1992 พรีเมียร์ ลีกเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ โดย ริค พาร์รี่ รับตำแหน่ง CEO คนแรก
ผ่านมา 30 ปี ริค พาร์รี่ มีบทบาทสำคัญในฐานะ CEO ของ EFL ประกาศสนับสนุนข้อเสนอ Big Picture ที่นำทีมโดย ลิเวอร์พูลและแมนฯ ยูฯ พร้อมกับสมาชิกอีก 7 ทีม ที่อยู่ในพรีเมียร์ ลีกมายาวนานที่สุด นั่นคือแมนฯ ซิตี้ เชลซี อาร์เซน่อล ท็อต (บิ๊ก 6 ปัจจุบัน) และเอฟเวอร์ตัน เซาท์แฮมป์ตันและเวสต์ แฮม
บทสรุปของ Big Picture คือ
เงินช่วยเหลือ
350 ล้านปอนด์ ให้ฟุตบอล ลีกและสมาคมฟุตบอล ชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นในฤดูกาล 19-20 และ 20-21
สำหรับ EFL ได้ 50 ล้านปอนด์ ชดเชยความเสียหายจากวันแข่งขันฤดูกาล 19-20 และอีก 200 ล้านปอนด์สำหรับฤดูกาล 20-21
สำหรับสมาคมฟุตบอล รับประกันรายได้ 100 ล้านปอนด์ แบ่งเป็น ค่าดำเนินการ 55 ล้านปอนด์ 25 ล้านปอนด์ให้สโมสรระดับต่ำกว่า EFL 10 ล้านปอนด์ให้วีเมนส์ ซูเปอร์ ลีก และแชมเปี้ยนชิพ และ 10 ล้านปอนด์ระดับฟุตบอลระดับล่างสุด เงินเหล่านี้มาจากสโมสรในพรีเมียร์ ลีก
งบสำหรับสนามและสิ่งอำนวยความสะดวก
ส่วนแบ่ง 6 % จากรายได้ทั้งหมด กระจายให้ทุกทีมใน 4 ดิวิชั่น คิดอัตราตามความจุสนาม 100 ปอนด์/ที่นั่ง สามารถนำเงินนี้ไปปรับปรุงและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อแฟนบอล
ประโยชน์เพื่อแฟนบอล
จำกัดราคาตั๋วทีมเยือนสำหรับเกมพรีเมียร ลีกไว้ 20 ปอนด์ และปรับปรุงทุก 3 ปี ตามอัตราเงินเฟ้อ
จัดให้มีบริเวณยืนดูเหมือนเดิม (ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของรัฐบาลด้วย)
ทุกทีมต้องจัดส่วนแบ่งตั๋วทีมเยือน ไม่น้อยกว่า 3,000 ที่ หรือ 8 % ของความจุสนาม (แล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดสูงกว่า)
เงินบริจาคประจำปี
เพิ่มเงินบริจาคประจำปีเพื่อการทำประโยชน์ในอังกฤษ 66 %
บริจาคเงิน 5 % จากรายได้ของพรีเมียร์ ลีก เพื่อฟุตบอลระดับล่างสุด เพื่อรณรงค์ต่อต้านการเหยียดผิวและกีดดันทางสังคม
การกระจายรายได้จากสื่อ เงินสนับสนุน (มี 3 แนวทาง)
1 50 % แบ่งเท่ากัน 25 % ตามอันดับ 25 % จากอันดับ 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา (ให้ความสำคัญกับอันดับทั้งในพรีเมียร์ ลีกและเดอะ แชมเปี้ยนชิพ โดยครึ่งหนึ่งของเงินได้วัดจากอันดับใน 4 ฤดูกาล)
2 ตามอัตราปัจจุบัน 50 % แบ่งเท่ากัน 25 % ตามอันดับ และ 25 % ตามจำนวนเกมถ่ายทอดสด ทีมน้องใหม่ จะถูกระงับเงินไว้ 25 ล้านอนด์ใน 2 ฤดูกาลแรก เพื่อบรรเทาความเสียหายกรณีตกชั้น
3 แบบข้อ 2 แต่ทีมน้องใหม่ ได้ 25 % สำหรับค่าถ่ายทอดสดใน 3 ฤดูกาลแรก
เพิ่มเติม
ยกเลิกเงินส่วนแบ่งกรณีตกชึ้น แต่เพิ่มเงินค่าปรับปรุงสนาม เท่ากันระหว่าง ทีมพรีเมียร์ ลีก และEFL จาก 4 %เป็น 25 %
ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดในประเทศและนานาชาติของพรีเมียร์ ลีกและ EFL จะขายพ่วงรวมกันโดยพรีเมียร์ ลีก
ลดเงินชดเชยให้ EFL กับสมาคมฟุตบอล โดยหักเงินยืมสำหรับสิ่งก่อสร้างและอื่นๆก่อน คำนวนส่วนแบ่งรายได้
พีรามิดฟุตบอล (โครงสร้างลีก 4 ระดับ)
ลดทีมพรีเมียร์ ลีกเหลือ 18 ทีมจาก 20 ทีมในปัจจุบัน ลดจำนวนเกมและเพิ่มเงินส่วนแบ่งให้ EFL ฤดูกาลเหลือ 34 นัด ลดภาระนักเตะและเป็นประโยชน์ต่อทีมชาติ จำนวนทีมใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ลีก วันและลีก ทูจะเป็น 24 ทีม เพื่อคงจำนวนทีมฟุตบอลอาชีพ 92 ทีมเท่าเดิม
การเลื่อนและตกชั้น
2 อันดับสุดท้ายในพรีเมียร์ ลีก ตกชั้น
2 อันดับแรกจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพเลื่อนชั้น
อันดับ 16 ในพรีเมียร์ ลีกเล่นทัวร์นาเมนต์กับอันดับ 3-5 ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เพื่อหา 1 ทีมเลื่อนชั้น โดย อันดับ 16 พรีเมียร์ ลีกเจออันดับ 5 และ 3กับ4 ของเดอะ แชมเปี้ยนชิพเจอกันเอง
ตกจากเดอะ แชมเปี้นนชิพ 3 ทีม
ลีก วัน เลื่อนชั้น 3 ทีม ตกชั้น 4 ทีม
ลีก ทู เลื่อนชั้น 4 ทีม ตกชั้น 4 ทีม
ลิขสิทธิ์ของสโมสร
ทุกสโมสรในพรีเมียร์ ลีก ถือสิทธิ์ ขายเกมถ่ายทอด 8 นัดต่อฤดูกาลให้แฟนบอลโดยตรง ผ่านแพลทฟอร์มดิจิทัลของสโมสร ได้ในทุกประเทศ
ทุกทีมในพรีเมียร์ ลีกและแชมเปี้ยนชิพ สามารถเผยแพร่ไฮไลท์การแข่งขันได้บางนัดผ่านแพลทฟอร์มดิจิทัลสโมสร
ทุกสโมสรจะมีเกมถ่ายทอดสดในอังกฤษไม่เกิน 27 นัดต่อฤดูกาล
ห้ามถ่ายทอดสดบ่าย 3วันเสาร์เหมือนเดิม เพื่อส่งเสริมให้คนเข้าดูในสนาม
การแข่งขันอื่นๆ
ยกเลิกลีก คัพและคอมมิวนิตี้ ชิลด์ (ต่อมาปรับเป็น ทีมพรีเมียร์ ลีกที่แข่งถ้วยยุโรปไม่ต้องเล่น ลีก คัพ)
จัดตั้งการแช่งขันลีกอาชีพหญิง ซึ่งไม่ขึ้นตรงต่อพรีเมียร์ ลีกหรือสมาคมฟุตบอล
เอฟเอ คัพมีการแข่งขันใหม่เมื่อเสมอจากนัดแรก แต่ไม่มีการแข่งใหม่ในช่วงพักฤดูหนาว
พรีเมียร์ ลีกเริ่มต้นปลายเดือนสิงหาคม เพิ่มระยะเวลาพรี-ซีซั่นให้นานกว่าเดิม
พรีเมียร์ ลีก นัดสุดท้ายกับแชมเปี้ยนส์ ลีกนัดชิงห่างกันไม่เกิน 2 สัปดาห์
ทีมพรีเมียร์ ลีกต้องลงแข่งทัวร์นาเมนต์ฤดูกาลร้อนของพรีเมียร์ ลีกอย่างน้อย 1 ครั้งใน 5 ปี
การควบคุม
ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพรีเมียร์ ลีกต้องผ่านการเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น ยกเว้นคณะกรรมการเห็นชอบการเปลี่ยนเจ้าของทีม
การเห็นชอบถือมติ 2/3
สิทธิ์ในการลงมติของพรีเมียร์ ลีกคือ 1 สโมสร 1 สิทธิ์ ยกเว้นกรณี กลุ่มถือสิทธิ์พิเศษในการลงมติ
สิทธิ์พิเศษในการโหวต คือ 9 สโมสร ที่อยู่ในพรีเมียร์ ลีกนานที่สุด (คำนวนจากเวลา ณ การลงคะแนน) กลุ่มนี้ให้ถือเป็น กลุ่มผู้ถือหุ้นยาวนาน หากกลุ่มนี้ ลงมติเห็นชอบ 2/3 ก็ไม่จำเป็นที่จะรอมติจากสมาชิกอื่นๆในพรีเมียร์ ลีก ซึ่งสามารถทำได้ในกรณีต่อไปนี้
1 การเลือกและปลด CEO และกรรมการบริหาร
2 การปรับกฏระเบียบ
3การเจรจาขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอด และแพลทฟอร์มอื่น
การเห็นชอบ 2/3 ของสมาชิกกลุ่มสิทธิ์พิเศษนี้ สามารถดำเนินเรื่องต่อไปนี้ได้
1 การเปลี่ยนสปอนเซอร์ ธุรกรรมและสิทธิ์ถ่ายทอด
2 เปลี่ยนการกระจายประโยชน์ต่างๆจากพรีเมียร์ ลีกให้สโมสร
3 ปรับวิธีการแข่งขัน
การเห็นชอบ 2/3 ของสมาชิกกลุ่มสิทธิ์พิเศษ สามารถระงับการอนุมัติเจ้าของทีมใหม่ของคณะกรรมการพรีเมียร์ ลีกได้
ทุกการเปลี่ยนแปลง เอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง ขณะที่บิ๊ก 6 ต้องการมีสิทธิ์เหนือทีมอื่นในทุกกรณี เอาไม่เอา ทีมพรีเมียร์ ลีก ตอนนี้ต้องพิจารณาให้ดีก่อน
บทความโดย :: กิตติกร อุดมผล
อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้
บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้
เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี