ผิดคาดไปไกล

ความคาดหวังกับความเป็นจริงนั้นหลายครั้งไม่ได้เดินไปในทิศทางเดียวกัน

ไม่คาดหวังเลยแต่กลับทำได้ดีกว่าที่หวัง มันก็เป็นความจริงที่สดชื่น ลองถาม คริส ไวลเดอร์ กับแฟนบอล เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ดูก็ได้ว่าเป็นอย่างนั้นไหม

คงไม่มีใครคาดคิดว่าทีมน้องใหม่ไร้ซึ่งซูเปอร์สตาร์ระดับทวีปหรือระดับโลกอย่างดาบคู่จะอาละวาดในพรีเมียร์ลีกอย่างสนุกสนาน น่าทึ่งที่พวกเขายังอยู่บนเส้นทางคว้าตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกให้กองเชียร์แห่งบรามอลล์ เลนได้เฮกันลั่น

นั่นคือความเป็นจริงที่ดีกว่าความคาดหวัง

ในทางตรงกันข้าม ความเป็นจริงที่แย่กว่าแรงคาดหวังก็มีไม่น้อย และเราเห็นมันเกิดขึ้นเป็นประจำ ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดขึ้นกับใครหรือทีมใด

นักเตะที่เพิ่งย้ายร่วมทีมด้วยค่าตัวแสนแพงย่อมแบกรับความคาดหวังเอาไว้มาก บางคนรับมือกับมันได้ บางคนแค่ประคองเอาตัวรอด ขณะที่หลายคนคอตกได้ชื่อว่าเป็นผู้ล้มเหลว

ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติของทุกวงการอยู่แล้ว

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ คือหนึ่งในทีมที่ถูกตั้งความหวังเอาไว้สูง หลังผลงานเหนือความคาดหมายที่เกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

ไม่มีใครคิดว่าสเปอร์สจะทะลุไปไกลถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นั่นคือสิ่งที่เกินคาดคิดที่สุดแล้ว ยิ่งเมื่อดูจากเส้นทางมหัศจรรย์ทั้งแมตช์ผ่าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก็ยิ่งพูดได้ว่าฟ้าสั่งมาสถานเดียวจริงๆ

ในความสำเร็จแบบบ้าดีเดือด สเปอร์สก้าวเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ 2019/20 ด้วยการจับตามองว่าพวกเขาจะทำผลงานได้ดีขนาดไหน

แน่นอนคงไม่มีใครคิดว่าทีมไก่เดือยทองจะได้เข้าชิงเจ้ายุโรปอีกครั้งแน่ๆ หรอก แต่อย่างน้อยการคว้ารองแชมป์ติดมือมาจากมาดริดก็เป็นเครื่องยืนยันคุณภาพของพวกเขาได้ในระดับหนึ่งว่า ขอจังหวะดีๆ ให้สเปอร์สเถอะ แล้วพวกเขาจะทำให้ดู

สเปอร์สไม่เสียกำลังหลักไปเลยในฤดูกาลใหม่นี้ยกเว้น คีแรน ทริปเปียร์ ตัวผู้เล่นสำคัญๆ ในชุดรองแชมป์ยุโรปยังอยู่กันครบทั้ง แฮร์รี่ เคน ซน ฮึง-มิน เดเล่ อัลลี่ อูโก้ โยริส ลูกัส มูร่า แยน แฟร์ต็องเก้น รวมไปถึงกุนซือคนเก่งอย่าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่

นอกเหนือไปจากนั้นคือสนามใหม่ของพวกเขา ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม หรือที่แฟนบอลและสื่อหลายคนเรียกกันติดปากว่า นิว ไวท์ ฮาร์ท เลน สเตเดี้ยม ก็ยังได้ฤกษ์เปิดใช้งานหลังจากเลื่อนแล้วเลื่อนอีก

สังเวียนแข้งใหม่ของพวกเขาจุผู้ชมได้ 62,000 คน มากที่สุดในลอนดอน มากกว่า เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม สนามของอาร์เซน่อลคู่ปรับตลอดกาลเสียอีก

จริงอยู่ว่าโอกาสที่สเปอร์สจะสร้างปรากฏการณ์ได้อย่างฤดูกาลก่อนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็คงไม่มีใครคิดเหมือนกันว่าเมื่อถึงวันที่ฟุตบอลทั่วโลกต้องหยุดให้กับวิกฤติโควิด-19 ทีมดังแห่งย่านไวท์ ฮาร์ท เลน จะกำลังหายใจพะงาบๆ รวยรินเต็มที

มองดูผลงานของทีมไก่เดือยทองแล้วก็น่าตกใจ พวกเขาแพ้ไปแล้วถึง 10 เกมในลีก เป็นความปราชัยในรังตัวเองถึง 4 นัด

แพ้เกมเหย้าเละเทะที่สุดในประวัติศาสตร์ 137 ปีของสโมสรก็ซีซั่นเปิดตัวสนามใหม่นี้เมื่อถูก บาเยิร์น มิวนิค บุกถล่มถึง 7 ประตู

ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกที่ตัวเองเป็นรองแชมป์เก่าด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 0-4 ต่อไลป์ซิก แพ้จุดโทษนอริชตกรอบเอฟเอ คัพ แพ้จุดโทษโคลเชสเตอร์ตกรอบลีก คัพ

มือเปล่าแน่นอนไม่มีโทรฟี่ติดมืออีกครั้งหลังจากที่เคยได้หนล่าสุดเมื่อปี 2008 ในถ้วยลีก คัพที่เอาชนะเชลซีในนัดชิงที่เวมบลีย์

ผลงานในลีกก็ลุ่มๆ ดอนๆ แทบไม่เคยเข้าเบรกชนะติดๆ กันอย่างที่สมกับเป็นทีมใหญ่ ชัยชนะ 3 นัดติดเหนือ นอริช แมนฯ ซิตี้ และ แอสตัน วิลล่า ช่วงปลายเดือนมกราคมต่อเดือนกุมภาพันธ์คือครั้งเดียวที่พวกเขาชนะต่อเนื่องได้เกิน 2 นัด

ขึ้นไปสูงที่สุดอันดับ 3 ของตารางพรีเมียร์ลีก ทว่าก็เกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ที่ 5 และเป็นเพียงครั้งเดียวที่ทำได้ เคยหล่นไปถึงอันดับ 14 ด้วยซ้ำ ปัจจุบันเกาะอยู่อันดับ 8 ของตาราง

สเปอร์สโชคร้ายที่ปัญหาบาดเจ็บมาเกิดขึ้นกับนักเตะสำคัญที่สุด 2 คนของทีมคือ แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน อีกทั้งต้องไม่ลืมว่าช่วงต้นฤดูกาล โยริส กัปตันทีมก็เจ็บพักยาวอีกต่างหาก

ทุกทีมเคยเจอกับช่วงเวลาแบบนี้มาด้วยกันทั้งนั้นคือช่วงที่ทำอะไรก็แย่ไปหมด แต่ที่ชวนให้รู้สึกไม่อยากเชื่อที่สุดคือการกระเด็นจากตำแหน่งของโปเช็ตติโน่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน

เวลานั้นสเปอร์สหัวทิ่มหัวตำมองไม่เห็นวี่แววว่าจะดีขึ้นทั้งๆ ที่ เคน กับ ซน ก็ยังโลดแล่นอยู่ในสนาม

รองแชมป์ยุโรปเก็บได้แค่ 3 คะแนนจาก 5 เกมพรีเมียร์ลีกด้วยคู่ต่อสู้อย่าง ไบรท์ตัน (แพ้ 0-3) วัตฟอร์ด (เสมอ 1-1) ลิเวอร์พูล (แพ้ 1-2) เอฟเวอร์ตัน (เสมอ 1-1) เชฟฯ ยูไนเต็ด (เสมอ 1-1) แถมเกมยุโรปก็ยังถูกเสือใต้บุกมาขย้ำถึงบ้าน 2-7

คำสั่งปลดโปเช็ตติโน่จาก ดาเนียล เลวี่ ประธานสโมสรจึงมีขึ้น และที่ยิ่งน่าเจ็บปวดมากกว่านั้นคือเพียงแค่วันเดียวให้หลัง โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ได้รับแต่งตั้งเข้าไปทำงานแทน

ตีความได้อย่างเดียวเลย.. สัญญากับมูรินโญ่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคำสั่งปลดโปเช็ตติโน่แล้ว ถ้าเราเป็นนายใหญ่อาร์เจนไตน์คงหน้าชาเหมือนกัน ก็สโมสรแอบไปคุยลับหลังกับมูรินโญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่เคยระแคะระคาย

หากการเข้ามาของมูรินโญ่จนถึงตอนนี้ก็ยังดูเหมือนว่าสเปอร์สจะยังได้ไม่คุ้มเสียกับการลงทุนถึงขนาดยอมแตกหักกับคนรักเก่าอย่างโปเช็ตติโน่

โอเคชื่อเสียงของมูรินโญ่นั้นการันตีความสำเร็จ และความเป็นผู้จัดการทีมระดับไฮโปรไฟล์ของเขาก็ทำให้อาการหงุดหงิดของแฟนบอลสงบลงได้อย่างรวดเร็ว

แต่มูรินโญ่โชคร้ายที่ เคนมาเจ็บยาว ก่อนจะตามด้วยซนที่น่าจะปิดเทอมไปอีกคน เหมือนกุนซือโปรตุกีสเจอหมัดเสยปลางคาง 2 หมัดซ้อนๆ ตั้งหลักไม่ทัน

ภาพของสเปอร์สที่เราเห็นเมื่อถึงสถานการณ์ล่าสุดก่อนพรีเมียร์ลีกตัดพักจากวิกฤติโควิด-19 จึงเป็นความกระเสือกกระสน หมดเรี่ยวแรงและป้อแป้เต็มทน

โดยเฉพาะการถูกไลป์ซิกกดจมธรณี 0-4 ในสกอร์รวม 2 นัดนั้นสร้างความเจ็บปวดให้สาวกยิด อาร์มี่ มาก อย่างน้อยทุกคนก็ยังอยากจะเห็นลายที่นักเตะงัดออกมาสู้ยิบตา

เวลานี้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม สร้างคุณประโยชน์ให้กับวงการด้วยการเป็นหนึ่งใน 2 สถานที่สาธารณะร่วมกับ อเล็กซานเดอร์ พาเลซ (จัดศึกปาลูกดอก ดาร์ทชิงแชมป์โลก ทุกปี) ที่เป็นศูนย์บรรเทาทุกข์โควิด-19

บทบาทของสเปอร์สในทุกด้านถูกจำกัดให้หมองหม่นลงด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งผลงานในสนาม ปัญหาบาดเจ็บ และสถานการณ์เลวร้ายนอกสนาม

เป็นฤดูกาลที่เมฆหมอกปกคลุมเหนือสังเวียนแข้งหนาเหลือเกิน แหงนมองขึ้นไปเห็นเพียงความมืดครึ้ม

ถ้าฤดูกาล 2018/19 คือฤดูกาลแห่งความทรงจำของสเปอร์ส ฤดูกาล 2019/20 ก็เป็นซีซั่นที่พวกเขาอยากจะลืมที่สุดฤดูกาลหนึ่งเท่าที่เคยติดตามทีมไก่เดือยทองมา

ป้าพล็อต

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความก่อนหน้า :: บทความลิเวอร์พูล