#บันทึก 2019-20 ยุติการรอคอย 30 ปี ของลิเวอร์พูล 

#บันทึก2019-20ยุติการรอคอย30ปีของลิเวอร์พูล 

#บันทึก2019-20ยุติการรอคอย30ปีของลิเวอร์พูล 

#3แต้มจากเซาธ์โคสต์และการสะดุดของซิตี้

#บันทึก2019-20ยุติการรอคอย30ปีของลิเวอร์พูล 

Match Day 2 17  Aug 2019

Southamton 1 Liverpool 2

ลิเวอร์พูลมีผู้รักษาประตูที่ยิ่งใหญ่หลายคน และบางทีพวกเขาก็พลาดแบบไม่มีใครคาดคิด อาเดรียน ฮีโร่จากซูเปอร์ คัพเมื่อกลางสัปดาห์ รักษาเทรนด์ผู้รักษาประตูของทีมได้อย่างสมบูรณ์แบบ 3 ช็อตที่ฆ่าตัวตายแบบกามิกาเซ่ แต่อาจเพราะโชคชะตา เขาและลิเวอร์พูล โดนลงโทษแค่ครั้งเดียว

ประตูมือ 2 น่าจะต้องเป็นมือหนึ่งต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 6 สัปดาห์เพราะการบาดเจ็บของอลิซง  เขาพลาดชนิดที่บรูซ กร็อบเบล่าร์หรือลอริส คาริอุสต้องอายไปเลย หนึ่งปีก่อนหน้านี้ อลิซงต้องเสียหน้ากับอะไรแบบนี้ในเกมกับเลสเตอร์ อย่างไรก็ตาม การใส่พานของอาเดรียนให้แดนนี่ อิงส์ ทำให้ลิเวอร์พูลเสียประตู ต้องรอคลีนชีตแรกของฤดูกาลต่อไป แต่เดอะ เร้ดส์ กลับจากเซนต์ แมรี่พร้อม 3 คะแนน

เยอร์เก้น คลอปป์ส่ง 3 อดีตนักเตะเซาทแฮมป์ตันลงสนาม เวอร์จิล ฟาน ไดค์ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เป็นตัวจริงติดต่อกัน 5 นัดในรอบมากกว่า 1 ปี และซาดิโอ มาเน่ ปรับทีมหลายตำแหน่งจากนัดชิงซูเปอร์ คัพ

อาเดรียนโชคร้ายเพราะแฟนบอลบุกลงสนามไปร่วมยินดีกับทีมสไลด์เข้าไปเสียบอาเดรียนจนข้อเท้าได้รับบาดเจ็บ         คลอปป์บอกว่า ข้อเท้าของอาเดรียนบวมเหมือนเท้าช้าง คลอปป์บอกว่าโดยรวมพอใจกับผลงานของลูกทีม พร้อมพูดแบบขำๆว่า กองหลังมีส่วนทำให้อาเดรียนพลาด เพราะส่งบอลให้ผู้รักษาประตูที่บาดเจ็บระหว่างการฉลองแชมป์ซูเปอร์ คัพ

“เราส่งบอลกลับให้เขามากเกินไป แต่ผมพอใจกับผลงานโดยรวม การเซฟทั้งหมด นักเตะคนอื่นต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น คุณไม่สามารถคืนบอลให้เขาตลอดเวลาแล้วหวังว่า ยาระงับปวดจะช่วยเขาได้ ผมไม่ได้พูดถึงประตูนั้น แต่จังหวะอื่นๆอีกหลายครั้ง อาเดรียนเล่นด้วยเท้าดีอยู่แล้ว โดยปกติ”

ชัยชนะเหนือเซาทแฮมป์ตัน คือนัดที่ 11 ติดต่อกันในพรีเมียร์ ลีก สำหรับลิเวอร์พูล แต่พวกเขาโชคดีมากที่ได้ประตูนำ ครึ่งแรกของลิเวอร์พูล มีโอกาสยิง 5 ครั้งเข้ากรอบ 2 ครั้งได้ 1 ประตู ขณะที่เซาทแฮมป์ตันได้ยิง 6 ครั้งเข้ากรอบ 1 ครั้งไม่ได้ประตู ลิเวอร์พูลอาจเล่นเนือยๆ แต่ครองบอลมากกว่า 62.9 % – 37.1 % เฉพาะครึ่งแรก สถิติดูดี แต่เซาทแฮมป์ตันมีโอกาสจะแจ้งกว่า และกดดันลิเวอร์พูลได้ดีทีเดียว จนกระทั่งประตูที่สวยงามของมาเน่ ช่วงทดเวลาเจ็บของครึ่งแรก

คลอปป์อาจไม่เจาะจงความผิดพลาดของอาเดรียนก็จริง แต่นั่นคือจุดอ่อนที่สุดในแนวรับของลิเวอร์พูล ณ เวลานี้ เขาเคลียร์บอลที่ฟาน ไดค์ส่งให้เข้าทางเจมส์ วอร์ด-เพราซ์ และ 5 นาทีต่อมา เคลียร์บอลไม่ดี เข้าทางเช อดัมส์ ต้องยอมรับว่า ลิเวอร์พูลโชคดีกับทั้งสองจังหวะดังกล่าว

เซาแธมป์ตันมีโอกาสนำก่อนลิเวอร์พูล เมื่อวอร์ด-เพราซ์กับเนธาน เร้ดมอนด์ ประสานงานกัน ก่อนเช อดัมส์ นักเตะที่ย้ายจากเบอร์มิ่งแฮม รับบอลหนีโจเอล มาติป แต่ลูกยิงแฉลบการสกัดของฟาน ไดค์ให้หลุดกรอบไป จากนั้นเขามีโอกาสโหม่งเดี่ยวๆ แต่บอลตรงตัวอาเดรียน

ความเหนียวแน่นในเกมรับของลิเวอร์พูลกำลังสั่นคลอนหากเทียบกับฤดูกาล 2018-19 แนวรับโดนเจาะง่ายมาก อาเดรียนอาจพลาดหลายครั้ง แต่เขาช่วยทีมได้หลายครั้งเช่นเดียวกัน รวมถึงการปัดลูกโหม่งระยะใกล้ของมายะ โยชิดะ จากการเตะมุมของเจมส์ วอร์ด-เพราซ์

คลอปป์ออกอาการไม่พอใจ โดยเฉพาะโรเบิร์ตสันที่เสียท่าให้วอร์ด-เพราซ์ 2 จังหวะ ซึ่งฟูล-แบ็คชาวสก๊อตติชเร่งเครื่องได้จากแรงกระตุ้น มีส่วนกับประตูแรกโดยซาดิโอ มาเน่ แสดงให้เห็นเกมรุกฝั่งซ้ายของลิเวอร์พูลว่าอันตรายเหมือนเดิม

โรเบิร์ตสันแทงบอลให้เจมส์ มิลเนอร์ซึ่งศีรษะแตกเพราะชนกับวอร์ด-เพรซ์ ชิ่งจัวหวะแรกให้มาเน่ตรงมุมขวาของเขตโทษ อดีตนักเตะเซาธ์ พาบอลเลาะเขตโทษ ก่อนยิงด้วยขวาส่งบอลเสียบสามเหลี่ยมเสาไกล ช่วงทดเวลาเจ็บครึ่งแรก 1 นาที ฟุตบอลช่างโหดร้ายกับเจ้าถิ่น แต่แฟนบอลทีมเยือนคงโล่งอกที่ทีมนำเมื่อจบครึ่งแรก

แชมป์ยุโรปเล่นครึ่งหลังได้ดี โดยเฉพาะโม ซาลาห์มีบทบาทมากขี้น ได้ยิงฟรีคิก 1ครึ่งหลังโดนฟาวล์โดนโอริโอล โรเมอู ลิเวอร์พูลคึกคักมากขึ้น มิลเนอร์วอลเล่ย์บอลที่เปิดโดยเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์หลุดกรอบ ซาลาห์ได้ยิงอีกครั้งแต่แองกัส กันน์ ประตูเซาธ์ป้องกันได้

อ๊อกซ์โดนเปลี่ยนออกเมื่อจบครึ่งแรกที่อิสตันบูลวันนี้เล่นได้ดี ทั้งการเล่นบอลสั้นหรือเปิดลูกยาวๆ ซึ่งคลอปป์ออกปากชมว่า “สุดยอดมาก”  เช่นเดียวกับฟีร์มีโน่ ลิเวอร์พูลน่านำ 2-0 นาที 70 จังหวะสวนกลับ จีนี่ ไวนัลดุมออกบอลจากแดนตัวเองให้มาเน่หลุดขึ้นซ้าย เขาถึงบอลที่ระยะ 25 หลา เปิดเข้ากลางโดยไม่ต้องจับ พอดีกับฟีร์มีโน่วิ่งเติมพอดี น่าเสียดายที่ลูกยิงของนักเตะบราซิลถากเสาออกไป

 

จากนั้น 1 นาที ฟีร์มีโน่ยิงได้ มาเน่แย่งบอลจากแยน เบดนาเร็คริมเส้น เปิดให้ฟีร์มีโน่ ลากบอลขนานกรอบเขตโทษ ก่อนยิงเรียดย้อนทางชนิดแองกัส กันน์ไม่มีทางเซฟ ลิเวอร์พูลนำ 2-0 3 แต้มไม่น่าหลุดมือ ไม่มีให้ต้องลุ้นมาก

ราลฟ์ ฮาเซนฮูทเทิ่ลเปลี่ยนแดนนี่ อิงส์ลงแทนโรเมอูตั้งแต่นาที 64  อดีตนักเตะลิเวอร์พูลมีโอกาสยิงได้แต่พลาดหมด จนกระทั่ง นาที 83 ฟาน ไดค์คืนบอลให้อาเดรียน เขาแตะบอลขึ้นหน้า 1 ครั้ง และพยายามเคลียร์ แต่ช้าเกินไป อิงส์บีบเข้ามา บอลจากอาเดรียนชนหน้าแข้งอิงส์เข้าประตู ทำให้ช่วงเวลาที่เหลือเดอะ ค็อปต้องใจหายใจคว่ำ โดยเฉพาะอิงส์ได้โอกาสอีก หน้าประตูโล่งๆ

ฮาเซนฮูทเทิ่ล ผจก. นักบุญบอกว่า ต้องการให้อิงส์เล่นงานอาเดรียนเพราะเล่นพลาดบ่อย พยายามกดดันลิเวอร์พูล ซึ่งโดยปกติทีมของคลอปป์ไม่ค่อยจะพลาดเท่าไร แต่จุดแตกต่างคือคุณภาพนักเตะ โดยเฉพาะมาเน่ที่เปลี่ยนเกมได้ในเสี้ยววินาที

ขณะที่คลอปป์กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “ครึ่งหลัง เราเล่นดีขึ้น คุมเกมได้ มีหลายอย่างที่ดี จนกระทั่ง เหตุการณ์นาที 83 ปรากฎต่อหน้าทุกคน อาเดรียนอาจคิดว่า ผมก็เล่นดีเหมือนอาลี เลยพลาดแบบเดียวกัน ทำให้เซาธ์มีโอกาสกลับมา ทุกคนในทีมอาจคิดว่า เอิ่ม เราต้องเจอะไรแบบนี้อีกแล้วเหรอ เอาล่ะ อาเดรียน คือคุณนักเตะลิเวอร์พูลเต็มตัว ผมบอกเขาว่า ยินดีต้อนรับ อาลีก็พลาดเหมือนกัน มันเป็นเอกลักษณ์ของประตูลิเวอร์พูล แต่ไม่มีปัญหา ตราบใดที่เราชนะ”

11 ตัวจริงลิเวอร์พูล อาเดรียน โรเบิร์ตสัน ฟาน ไดค์ มาติป อาร์โนลด์ มิลเนอร์ ไวนัลดุม อ๊อกซ์ มาเน่ ฟีร์มีโน่ ซาลาห์ สำรอง ฟาบินโญ่แทนมิลเนอร์ น 74 โอริกี้แทนซาลาห์ น 79 และเฮนเดอร์สันแทนอ๊อกซ์ น 89

จบเกมที่เซนต์ แมรี่ ลิเวอร์พูลโยนความกดดันให้แมนฯ ซิตี้ ซึ่งลงเล่นหลังจากนั้นอีก 30 นาที เจอท็อตแน่มที่เอติฮัด

Man City 2 Tottenham 2

แมนฯ ซิตี้ต้องเจ็บปวดเพราะ ผู้ตัดสิน VAR แกรม สก๊อตต์ยกเลิกประตูของแกเบรียล เจซุส เพราะบอลโดนแขนอายเมอริก ลาปอร์ก ก่อนเจซุสได้จังหวะ นี่คือฤดูกาลแรกของ VAR ในพรีเมียร์ ลีก หลายคนยังไม่คุ้น แม้แต่เป็ป กวาดิโอลาและเมาริซิโอ พอเช็ตติโน่ยังคุยกันระหว่างรอคำตัดสิน ฟุตบอลไม่เคยต้องรออะไรนานขนาดนี้

แมนฯ ซิตี้ไม่ชนะท็อตแน่มได้อย่างไร พวกเขาเหนือกว่าทุกกระบวนท่า มีโอกาสยิง 30 ครั้ง ขณะที่ท็อตแน่มได้ยิง 3 ครั้งตลอดเกม แต่ได้ 2 ประตูเท่ากัน ระหว่างเกม เป็ปไม่พอใจอาเกวโร่ ขนาดมิเคล อาร์เตต้า ผู้ช่วยต้องหย่าศึกระหว่างผจก.กับนักเตะ เมื่อเจซุสลงแทนอาเกวโร่ยิงได้ อารมณ์ที่ร้อนแรงระหว่างศูนย์หน้าอาร์เจนไตน์กับกุนซือชาวสเปนก็เย็นลง ทั้งสองกอดกัน เพราะคิดว่าทีมชนะ จนกระทั่งได้คำตัดสินจาก VAR

 

ผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ วางจอภาพกลางอากาศ เพื่ออธิบายผลตัดสิน พลัน สกอร์บอร์ดที่ เอติอัดเปลี่ยนตัวเลขกลับมาเป็น 2-2 ซึ่งถือว่าคราวนี้ VAR ถูกต้องเพราะบอลโดนแขนลาปอร์กจริงๆ ตามระเบียบที่ IFAB ระบุไว้ การทำแฮนด์บอลก่อนได้ประตู ถือว่าประตูนั้นไม่เกิดขึ้น

 

แน่นอนเป็ปไม่พอใจ พร้อมชี้ว่า ประตูของยอเรนเต้ที่ทำให้สเปอร์สชนะแมนฯ ซิตี้ในแชมเปี้ยนส์ ลีกรอบควอเตอร์ไฟนั่ลเมื่อเมษายนก็แฮนด์บอล อันเดรียส คริสเตียนเซ่นก็ทำแฮนด์บอลในซูเปอร์ คัพ และอาเดรียนก็ขยับตัวก่อนป้องกันจุดโทษของเอบราแฮมในซูเปอร์ คัพ

สรุปสกอร์ แมนฯ ซิตี้  2 (สเตอร์ลิง น 20 อาเกวโร่ น35 ) สเปอร์ส 2 (ลาเมร่า 23 มูล่า 56)

ตารางคะแนนจากสัปดาห์ที่ 2

1 ลิเวอร์พูล  เล่น 2  ชนะ 2 เสมอ– แพ้- ได้6 เสีย2 6 คะแนน

2 อาร์เซน่อล เล่น 2 ชนะ 2 เสมอ- แพ้- ได้3 เสีย1 6 คะแนน

3 แมนฯ ซิตี้ เล่น 2 ชนะ 1 เสมอ1 แพ้- ได้7 เสีย2 4 คะแนน

4แมนฯ ยูฯ เล่น2 ชนะ 1 เสมอ1 แพ้- ได้5 เสีย1 4 คะแนน

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี