บันทึกแชมป์ประวัติศาสตร์ยุติการรอคอย 30 ปี ตอนที่ 4

ลิเวอร์พูลไม่ใช่ดีสนีย์แลนด์: คลอปป์

 Match Day 3 24  Aug 2019

Liverpool 3 Arsenal 1

ลิเวอร์พูลไม่ใช่ดีสนีย์แลนด์: คลอปป์

ลิเวอร์พูลได้พัก 7 วันหลังเกมเซาทแฮมป์ตันนั่นคือเรื่องที่แทบไม่ค่อยเกิดขึ้นในฤดูกาล 19-20 และจำเป็นเมื่อเจออาร์เซน่อลของอูไน เอเมอรี่ที่กำลังคึกเต็มที่ชนะ 2 นัดรวดเช่นกัน แมนฯ ซิตี้ต้องเยือนบอร์นมัธวันอาทิตย์ เพราะฉะนั้นเร้ดส์มีโอกาสนำห่างแชมป์ 5 คะแนน

สองทีมนี้เจอกันหมายถึงการทำประตูมากมาย นี่เกมพรีเมียร์ ลีกที่ทำประตูกันมากที่สุด 155 ประตูจาก 54 เกม มีแฮตทริคมากสุด ฟาวเลอร์ 6 ครั้ง อองรี เคราช์ อาร์ชาวิน และฟีร์มีโน่ คนละ 2 ครั้ง นอกจากแพ้แมนฯ ยูฯ ที่โอลด์ แทรฟเฟิร์ด 16 ครั้งในพรีเมียร์ ลีก แอนฟิลด์คือสนามที่อาร์เซน่อลแพ้รองลงมาคือ 14 ครั้ง

4 เกมล่าสุดของอาร์เซน่อลที่แอนฟิลด์ โดนทีมของคลอปป์ยิงไป 15 ประตู นั่นคือสิ่งที่เอเมอรี่ต้องกำชับลูกทีมหน้าใหม่ โดยเฉพาะดาวิด ลุยซ์ และอีกครั้งที่ลิเวอร์พูลเล่นงานอาร์เซน่อลจนเละไม่เป็นท่า ลุยซ์คงไม่อยากเจอโม ซาลาห์ไปอีกนาน

ลุยซ์ไม่คิดว่าต้องวิ่งไล่ตามซาลาห์บ่อยขนาดนี้ แถมตามไม่ทัน เช่นเดียวกับดึงเสื้อซาลาห์ทำให้ทีมเสียจุดโทษแบบเบาปัญญาที่สุด อาร์เซน่อลมองว่าลุยซ์คือมันสมองในแดนกลาง ผู้นำ คนจัดระบบ ทำให้ทุกอย่างนิ่งเหมือนการเล่นระหว่างโจเอล มาติปและเวอร์จิล ฟาน ไดค์ ณ อีกด้านของสนาม

กองหน้า 3 คนของอาร์เซน่อล เปเป้ โอบาเมยางและลากาแซ็ตต์ ได้รับการเปรียบเปรยกับ 3 ประสานเจ้าบ้าน มาเน่ ฟีร์มีโน่และซาลาห์ แต่เกมนี้ เอเมอรี่เลือกดร็อปลากาแซ็ตต์ ให้หน้าแค่ 2คน อาจเพราะต้องการชนะเกมแดนกลาง ด้วยดานี่ เซบายอสและกรานิต ชาก้า

ลิเวอร์พูลชนะได้ แต่คำถามคือ เกมรับที่เหนียวแน่นจากฤดูกาลที่ผ่านมาหายไปไหน พวกเขายังไม่มีคลีนชีต เมื่อโดนลูคัส ตอร์เรร่า ตัวสำรองที่ลงมาแทนดานี่ เซบายอสในนาที 61 ยิงตีไข่แตกให้อาร์เซน่อลได้ในนาที 85 ก็เป็นประตูปลอบใจทีมปืนใหญ่เท่านั้น จากเกมที่ อาร์เซน่อลเป็นรองในทุกเรื่อง ลิเวอร์พูลมีโอกาสยิงทั้งเกม 25 ครั้ง เกิดขึ้นในกรอบเขตโทษอาร์เซน่อล 17 ครั้ง บ่งบอกว่า เอมเอรี่ต้องเครียดกับเกมรับอีกพอสมควร

3 ประตูของลิเวอร์พูลเกมนี้ รวมเป็น 26 ประตูจากอาร์เซน่อลนับจากคลอปป์คุมลิเวอร์พูลเมื่อตุลาคม 2015 อาจมีเกมที่ลิเวอร์พูลสถิติข่มคู่ต่อสู้มากกว่านี้ พวกเขาครองบอลแค่ 52 % อาร์เซน่อล 48 % แต่เกมส่วนใหญ่อยู่หน้าประตูอาร์เซน่อล (45.6 % ของเกมทั้งหมด) นั่นถือว่านักเตะลิเวอร์พูลมีสภาพความฟิตดีมากสำหรับเกมช่วงต้นฤดูกาลแบบนี้

คลอปป์บอกว่า ลูกทีมเล่นดีมากสำหรับเกมต้นฤดูกาล ทุกอย่างยอดเยี่ยม ประสิทธิภาพ พละกำลัง ความหิวกระหาย ความจริงจัง ซึ่งจำเป็นเมื่อต้องเจอทีมอย่างอาร์เซน่อล ลิเวอร์พูลคุมได้แทบทุกอย่างในเกม แต่ไม่จำเป็นต้องทำให้คนดูสนุกทุกนาที

“เราไม่ใช่ดีสนีย์แลนด์ ไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกคนตื่นเต้นทุกวินาที เอกลักษณ์ของเราคือความเข้มข้น เกมเร็ว อย่างที่ทุกคนเห็นในวันนี้ 10 นาที่สุดท้าย ผมเห็นสถิติ เราครองบอล 53-47 % แต่ 80 นาทีก่อนหน้า ทุกอย่างแตกต่างโดยสิ้นเชิง เราคุมได้ทั้งหมด”

เกมรับที่เปราะบางหรือเกมรุใช้โอกาสเปลือง อะไรทำให้เอเมอรี่หงุดหงิดมากกว่ากัน อาร์เซน่อลได้โอกาสดีตั้งแต่ต้นเกม แต่นิโกล่าส์ เปเป้และปีแอร์ เอเมอริค โอบาเมยาง พลาดทั้งหมด จะว่าไปแล้ว เกมที่โอกาสยิงไม่เยอะ 9 ครั้งตลอด 90 นาที หากต้องการอะไรจากลิเวอร์พูล ลูกทีมของเขาต้องคมกว่านี้

อย่างไรก็ตาม แพ้ 3-1 ดูดีกว่าโดนถล่ม 5-1 เมื่อฤดูกาลที่ผานมา แต่อาร์เซน่อลดีพอจะขึ้นมาลุ้นแชมป์กับแมนฯ ซิตี้และลิเวอร์พูลหรือไม่ คำตอบคืออีกนาน การเติมดาวิด ลุยซ์ไม่ทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น

กองหลังบราซิลดึงเสื้อโม ซาลาห์ นาที 49 ทำให้ทีมเสียจุดโทษ เอเมอรี่บอกว่า “จุดโทษคือกุญแจสู่ความพ่ายแพ้ เราพยายามปิดพื้นที่ และเล่นได้ใกล้เคียงกับลิเวอร์พูลตลอด 90 นาที หากเทียบกับฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ยังไม่ดีพอ”

ไม่ดีพอเช่นเดียวกับการฉกฉวยโอกาสของโอบาเมยาง เมื่ออาเดรียนเคลียร์บอลไม่ดี และเปเป้ยิงหลุดกรอบ ซึ่งดูแล้วปฏิกิริยาของอาเดรียนยังไม่ดีเท่าไร อาจเพราะอาการบาดเจ็บข้อเท้าจากหลังเกมซูเปอร์ คัพยังไม่หายสนิท

ขณะอาร์เซน่อลพลาดโอกาส ลิเวอร์พูลซี่งใช้โอกาสเปลืองกว่าในครึ่งแรก 15  ครั้งเข้ากรอบ 2 ครั้ง แต่ยังได้ 1 ประตูจากการโหม่งของโจเอล มาติป ซึ่งเปิดลูกเตะมุมด้านขวาโดยอเลกซานเดอร์-อาร์โนลด์ นาที 41 และพักครึ่งตือสิ่งที่อาร์เซน่อลต้องการ เพียงแต่ต้นครึ่งหลัง พวกเขาไม่อาจทำในสิ่งที่เอเมอรี่ต้องการได้

ลิเวอร์พูลได้ประตูจากการโหม่ง 22  ลูกในพรีเมียร์ ลีก นับรวมกับฤดูกาล 18-19 มากกว่าทีมอื่น 7 ลูก เป็นผลพวงจากการทำการบ้านของทีมสตาฟซึ่งคลอปป์บอกว่า อย่าให้ลูกฟรีคิกสูญเปล่า ฤดูกาล 19-20 ผ่านไป 3  เกมลิเวอร์พูล ได้ประตูจากการโหม่งทั้ง 3  เกม ขณะที่อีก 19 ทีม ได้ประตูแบบนี้ไม่เกินทีมละ 1 ลูก

สำหรับเทรนต์ เขามี 9  แอสซิสต์จาก 10 เกมล่าสุดที่แอนฟิลด์ในทุกรายการ รวมถึง 1 แอสซิสต์จาก 5 เกมล่าสุดในบ้านด้วย พอจะบอกเราว่า ฤดูกาลนี้ การเล่นของเทรนต์สำคัญต่อเกมรุกลิเวอร์พูลแค่ไหน

เริ่มจากลุยซ์ดึงเสื้อซาลาห์ ซึ่งยังไงก็จุดโทษ และซาลาห์ไม่พลาดจากระยะ 12 หลาในนาที 49 เขาทำสถิติยิงอาร์เซน่อลได้ทั้ง 4 นัดที่เจอในแอนฟิลด์ และเพิ่มสถิติเป็น 6 ประตู นาที 58 เมื่อฟาบินโญ่จ่ายบอลจากแดนลิเวอร์พูลให้ซาลาห์แตะบอลหนึ่งครั้งผ่านดาวิด ลุยซ์ที่เข้าบอลแบบพรวดพราด กระชากหนีนอโช่ มอนเรียลที่เอมเอรี่บอกว่าย้ายทีมได้เลย เข้าถึงเขตโทษ และก่อนที่โซคราตีสจะตั้งตัว โมยิงเรียดเข้าเสาไกล ชนิดแบรนด์ เลโนหมดสิทธิ์ป้องกัน

คลอปป์บอกว่า “ประตูที่ 3 โดยโม สุดมหัศจรรย์จริงๆ”

ลิเวอร์พูลไม่ใช่ดีสนีย์แลนด์ แต่ทุกคนตื่นเต้นกับฟอร์มการเล่นทุกนาทีเหมือนกัน

11 ตัวจริง อาเดรียน โรเบิร์ตสัน ฟาน ไดค์ มาติป อาร์โนลด์ ไวนัลดุม ฟาบินโญ่ เฮนเดอร์สัน มาเน่ ฟีร์มีโน่และซาลาห์ (สำรอง มิลเนอร์แทนไวนัลดุม น 69 อ๊อกซ์แทนมาเน่ 77 และลัลลาน่าแทนฟีร์มีโน่ น 86)

#บอร์นมัธ1แมนซิตี้3

แมนฯ ซิตี้ไม่สะดุดติดต่อกัน 2 นัด พวกเขาชนะที่บอร์นมัธ 3-1 จาก 2 ประตูของอาเกวโร่และ  1 ประตูของสเตอร์ลิง

สรุปตารางคะแนนสัปดาห์ที่ 3

1 ลิเวอร์พูล เล่น 3 ชนะ3 เสมอ- แพ้- ได้9 เสีย3 9 คะแนน

2 แมนฯ ซิตี้ เล่น 3 ชนะ2 เสมอ1  แพ้- ได้10 เสีย3 7 คะแนน

3 อาร์เซน่อล เล่น 3 ชนะ2 เสมอ- แพ้1 ได้4 เสีย4 6 คะแนน

4 เลสเตอร์ เล่น3 ชนะ1 เสมอ2 แพ้- ได้3 เสีย2 5 คะแนน

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี