“ลิเวอร์พูลจะไม่หยุด…พัฒนา” เป้าหมายของคลอปป์

ทำอย่างไร ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์อีกครั้ง คำถามที่คงไม่มีใครตอบได้

ทำอย่างไร ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์อีกครั้ง คำถามที่คงไม่มีใครตอบได้

แม้แต่เยอร์เก้น คลอปป์ นอกจากพยายามอย่างเต็มที่แล้วดูว่าดีพอหรือไม่

ทำอย่างไร ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์อีกครั้ง คำถามที่คงไม่มีใครตอบได้

 

 

แต่ผมเชื่อว่า ทุกคนอดคิดไม่ได้ “อยากให้ลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก อีกครั้ง โดยเฉพาะกับฤดูกาล 2020-21”

คลอปป์บอกผู้สื่อข่าวหลังลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ เมื่อเชลซีชนะแมนฯ ซิตี้ 26 มิถุนายน “เราไม่หยุด ผมและทีมลิเวอร์พูล จะไม่หยุด จบนะ”

 

อย่างไรก็ตาม คลอปป์ไม่สัญญาหรือกำหนดเป้าหมายว่าคืออะไร “ไม่หยุด ไม่ได้หมายความว่าเราต้องได้แชมป์ทุกอย่าง แต่เราอยากทำผลงานให้ดีกว่าทีม เพราะทีมอื่นเล่นดีและพร้อมพัฒนายิ่งขึ้นอีก แมนฯ ซิตี้มีทีมที่ดีอยู่แล้ว ผมไม่สัญญาว่า เราจะได้แชมป์ แต่เราจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมดีขึ้น ผมคิดว่า นี่เป็นไปได้ เพราะมีบางส่วนในการเล่นฟุตบอลของเราที่ผมคิดว่า พัฒนาได้”

 

พัฒนา ทำให้ดีขึ้นคือเป้าหมายของคลอปป์ โดยแนวคิด ถ้าคุณพัฒนาตัวเองได้ รับรองเรื่องดีๆต้องเกิดขึ้น ลิเวอร์พูลก้าวข้ามประวัติศาสตร์แห่งการล้มเหลวแล้ว ถล่มคู่ต่อสู่ในลีก ฟุตบอลก็เหมือนชีวิต บรรลุเป้าหมายหนึ่ง ยังมีเป้าหมายต่อไปรออยู่ จากเขาลูกนี้ มีเขาลูกอื่นรอเราพิชิต

 

ผจก.ทีมทุกคนต้องการสานต่อความสำเร็จ สร้างอาณาจักรเหมือนเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันกับแมนฯ ยูฯ แต่เป็นเรื่องยากในปัจจุบัน เช่น อันเชล็อตติปี  2010 หลังนำเชลซีคว้าแชมป์ กุนซืออิตาเลี่ยนโดนปลดในฤดูกาลต่อมา โรแบร์โต้ มันชินี่ นำซิตี้เป็นแชมป์เมื่อปี 2012 เขาอยากทำเหมือนอินเตอร์ ได้แชมป์ต่อเนื่อง 4 ปี 7 รายการ โดนปลดก่อนจบฤดูกาลต่อมา

 

มานูเอล เปเยกรีนี่กับแมนฯ ซิตี้ปี 2014 พยายามคว้าแชมป์กับทีมให้ได้ ด้วยความมั่นใจในการเงินของทีม แต่เขาทำไม่ได้อีก และโดนปลดในอีก 2 ฤดูกาลต่อมา โจเซ่ มูรินโญ่กับเชลซีปี 2015 ได้แชมป์รอบสองกับทีม ก่อนโดนปลดในอีก 4 เดือนของฤดูกาลใหม่

 

เคลาดิโอ รานิเอรี่ สร้างปาฎิหาริย์กับเลสเตอร์เมื่อปี 2016 เขาแตกต่างจากคนอื่น เพราะยอมรับว่า เลสเตอร์จะคว้าแชมป์อีก เป็นเรื่องยากกว่า ET มาเยือนพิคคาดิลลี่ เซอร์คัสที่ลอนดอน แต่เขาคงไม่คิดว่า หกเดือนต่อมาจะโดนปลด อันโตนิโอ คอนเต้ ประสบความสำเร็จกับเชลซีปี 2017 เขามีแนวคิดพัฒนาทีม และมีความสุขก่อนโดนปลดเมื่อจบฤดูกาลต่อมา

 

ปัจจุบัน ดูเหมือนเป็ป กวาดิโอล่าสามารถสร้างอาณาจักรของตัวเอง เขาป้องกันแชมป์พรีเมียร์ ลีก เช่นเดียวกับลีก คัพ แต่ต้องผิดหวังในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซิตี้คงไม่ปลดเป๊ป เพราะไม่รู้จะหาใครที่ดีกว่า แต่พวกเขารู้ว่า การทำแบบแมนฯ ยูฯ ยุค 90-2000 และลิเวอร์พูลยุค 70-80 เป็นเรื่องยาก

 

หลังจากมูรินโญ่ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ ลีกกับเชลซีได้ 2005-2006 มีแค่เป็ปเท่านั้นที่ทำได้ ปี 2018-2019 ไม่ใช่พรีเมียร์ ลีกแข็งแกร่งที่สุด แต่ปัจจัยหนึ่งคือ ธรรมชาติของมนุษย์ ยากที่จะรักษามาตรฐานดีเลิศ สัปดาห์ต่อสัปดาห์ ปีต่อปี เหมือนมาตรฐานลิเวอร์พูลตกลงหลังคว้าแชมป์

 

แต่ลิเวอร์พูลและคลอปป์แสดงให้เห็นว่า พวกเขาทำได้ จาก 97 แต้ม ต่อด้วย 99 แต้ม ผลงาน 2 ฤดูกาล 76 นัด ชนะ 62 เสมอ 10 แพ้ 4 196 คะแนน และมีถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ซูเปอร์ คัพและคลับ เวิร์ลด์ คัพ แต่การเล่น ช่วงแมนฯ ยูได้แชมป์สองฤดูกาลติด ได้ 178 คะแนน ชนะ 56 นัด เชลซีได้ 186 คะแนน ชนะ 58 นัด สถิติของลิเวอร์พูลเป็นรองแค่แมนฯ ซิตี้ ซึ่งได้ 198 คะแนน ชนะ 64 นัดเท่านั้นเอง

 

ดังนั้นหมายความว่า หากลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์อีก ทีมต้องเล่นให้เหมือนหรือดีกว่า ฤดูกาลนี้ เล่นแบบทีคลอปป์บอกว่า ห้ามแพ้อย่างเด็ดขาด

 

นอกจากพัฒนาความสามารถของนักเตะและระบบการเล่นที่มีประสิทธิภาพ อีกเรื่องที่คลอปป์สร้างให้ทีม รวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับลิเวอร์พูลคือ จิตใจ ดังที่เขาเปรียบเทียบบ่อยๆว่า “mentality monsters”. การสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้สโมสร ซึ่งจิตใจแห่งผู้ชนะสูญหายไปหลายปี

 

สโมสรเชื่อมั่นในคลอปป์ คลอปป์เชื่อมั่นในนักเตะ พวกเขาไม่เสียกระบวนหลังจากต้องผิดหวังในยูโรป้า ลีก ลีก คัพ แชมเปี้ยนส์ ลีก และพรีเมียร์ ลีก แถมลิเวอร์พูลเสริมทีมด้วย แอนดี้ โลเนอร์แกน อาเดรียน เซ็ปป์ ฟาน เดนเบิร์ก และฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ขณะที่เป็ปถมเงินซื้อนักเตะเสริมทีมแชมป์ 130 ล้านปอนด์ จาว คอนเซโล่ อันเจลิโน่และโรดรี้

 

เอาล่ะ แฟนบอลอยากให้คลอปป์ซื้อนักเตะ ดังๆ ตามข่าวที่เกิดขึ้นตลอด แต่คลอปป์เลือกฟูลแบ็คโนเนมจากกรีซ และอาจได้อัลคันทาร่าจากบาเยิร์น ซึ่งไม่ใช่นักเตะที่ทุกทีมในยุโรปจ้องคว้าตัว ประมาณ ทิโม แวร์เนอร์หรือเจดอน ซานโซ่ หมายความว่า เขาต้องการพัฒนานักเตะชุดเดิมของเขา และมั่นในคุณภาพนักเตะที่มีอยู่

 

แต่ปัญหาของลิเวอร์พูลก็มี นักเตะหลักอายุเยอะ มิลเนอร์และเฮนเดอร์สัน เกิน 30 ไวนัลดุม ฟาน ไดค์ 29 มาติป ซาลาห์ ฟีร์มีโน่ และมาเน่ 28 ณ จุดหนึ่ง คลอปป์ต้องสร้างทีมใหม่ก่อนหมดสัญญาปี 2024

 

นั่นคือเรื่องของอนาคต คลอปป์นอกจากตัดสินใจซื้อนักเตะหลายคนในช่วงพีค เช่น ฟาน ไดค์ หรืออลิซง เขาสามารถพัฒนานักเตะที่ผลงานไม่ดี อย่าง เดยัน ลอฟเร็นหรืออดัม ลัลลาน่าได้ การตัดสินใจหลายอย่างช่วงนี้ แสดงให้เห็นว่า เขายอมรับความจริง ลิเวอร์พูลไม่สามารถแข่งขันกับหลายทีมเรื่องการเงิน แต่ผจก. หลายคนไม่อาจแข่งขันกับคลอปป์ได้ในเรื่องนี้เช่นกัน

 

การพัฒนาทีม พูดง่ายกว่าทำ แต่อย่างน้อย ตลอด 4 ฤดูกาลแรก เยอร์เก้น คลอปป์พิสูจน์แล้วว่า ไม่มีคำว่าดีที่สุด และทีมไม่หยุดจริงๆ ไม่มีสัญญาว่าจะเป็นแชมป์ แต่ถ้าทีมเล่นดีขึ้นกว่าเดิม ก็น่าชื่นใจและชวนสงสัยว่า เขาจะทำให้ทีมชุดนี้ ซี่งดีอยู่แล้ว ดีขึ้นได้อย่างไรอีก

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี