(อย่า) เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง

ช่วงนี้จะมีแต่เรื่องการเงินของพรีเมียร์ ลีก

ช่วงนี้จะมีแต่เรื่องการเงินของพรีเมียร์ ลีก

อาจเพราะลิเวอร์พูลไม่มีความเคลื่อนไหวด้านซื้อ-ขาย

ช่วงนี้จะมีแต่เรื่องการเงินของพรีเมียร์ ลีก

ขณะเดียวกัน FSG เจ้าของทีมลิเวอร์พูลโดนวิจารณ์พอว่า ทำไม ไม่ซื้อนักเตะเพื่อต่อยอดความสำเร็จหลังจากคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

ผมคิดว่า เออ คนเรานี่ลืมง่ายจริงๆ 9 ปี นับจาก FSG เทคโอเวอร์ซื้อสโมสรจากทอม ฮิคส์และจอร์ช จิลเล็ตต์ ช่วงเวลาเหล่านั้นมีแต่เสียงยกย่องว่า นี่แหละผู้ปลดปล่อยและนำลิเวอร์พูลสู่แสงสว่าง ในฉับพลันมองซ้ายมองขวา มองหน้ามองหลัง เห็นเชลซี แมนฯ ซิตี้ แมนฯ ยูฯ ทุ่มซื้อนักเตะ FSG กลายเป็นไอ้ขี้งกไปแล้ว

มีคนบอกว่า FSG ต้องเชื่อมือคลอปป์ ตอนนี้เขานำลิเวอร์พูลกลับมาอยู่บัลลังก์ตั่งทองแล้ว ต้องเดินหน้าลุยเพื่อสานต่อความยิ่งใหญ่ ทุกคนมองว่า ลิเวอร์พูลต้องเป็นให้เหมือนแมนฯ ยูฯในยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ไม่มองว่า กว่าเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันจะใช้จ่ายซื้อนักเตะเป็นสถิติโลก การเงินของแมนฯ ยูฯ มั่นคงแค่ไหน

ก่อนวิจารณ์ใดๆ เรามองโลกแห่งความจริงสักนิด

เดล็อยต์ (Deloitte) เสนอรายงานด้านการเงินเมื่อจบฤดูกาล 2018-19 และคาดการณ์ผลกำไรของฤดูกาล 2020-21 เอาไว้ แต่ทุกอย่างผิดแผนหมดเพราะโควิค-19

ฤดูกาล 2017-18  พรีเมียร์ ลีกอังกฤษ รายได้รวมคือ 5.4 พันล้านปอนด์ ประกอบด้วย (ค่าผ่านประตู 757 ล้าน-14 % ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอด 3.210 พันล้านปอนด์- 59 % และรายได้ธุรกิจอื่นๆ 1.473 พันล้านปอนด์-27 %) ลีกที่ใกล้เคียงที่สุดคือ บุนเดสลีกา 3.168 พันล้านปอนด์ ลา ลีกา 3.073 พันล้านปอนด์

ฤดูกาล 2018-19 ฟุตบอลลีกยุโรปยิ่งเติบโต เพราะการเจรจาค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอด พรีเมียร์ ลีกรายได้รวมคือ 5.730 พันล้านปอนด์ และ ฤดูกาล 2019-20 (อย่างไม่เป็นทางการ) รายได้รวม 5,940 พันล้านปอนด์  รายได้เหล่านี้ คำนวนจาก ค่าผ่านประตู ค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอด และรายได้ธุรกิจอื่น ขณะที่ลา ลีกามีรายได้ 3,790 ล้านปอนด์ บุนเดสลีกามีรายได้ 3,720 ล้านปอนด์

รายได้แยกเป็นทีมของฤดูกาล 18-19 แมนฯ ยูฯ 601.9 (28.4)  แมน ซิตี้ 535 (10.1)  ลิเวอร์พูล 533 (41.9) เชลซี 466.7 (ขาดทุน 101.8) ท็อตแน่ม 461(87.4) และอาร์เซน่อล 367.5(23.5)  หน่วยคือล้านปอนด์ทั้งหมด นอกนั้นรายได้อยู่หลัก 100 กว่าล้านปอนด์ ทีมเดียวที่รายได้ไม่ถึง 100 คือแอสตัน วิลล่า อยู่ที่ 54.3 ล้านปอนด์  ส่วนในวงเล็บคือ กำไรก่อนหักภาษี

แหล่งที่มาของรายได้สำคัญคือลิขสิทธิ์ถ่ายทอด คิดเป็นเปอร์เซนต์ของรายได้ บรรดาบิ๊ก6 ที่พึ่งพารายได้จากการถ่ายทอดมากสุดคือท็อตแน่ม 53 % อาร์เซน่อล 50 % ลิเวอร์พูล 49 % เชลซี 48% แมนฯ ซิตี้ 47 และแมนฯ ยูฯ 42 %  นี่คือขีดความสามารถในการหารายได้อื่น ซึ่งแมนฯ ยูฯ ยังดีที่สุด และต้องยอมรับว่า รายได้อย่างเดียวไม่พอสำหรับการบริหารสโมสร

ทั้งลีกมี 20 ทีม ผลประกอบการกำไรแค่ 9 ทีม คือท็อตแน่ม ลิเวอร์พูล นิวคาสเซิ่ล แมนฯ ยูฯ วูล์ฟส์ แมนฯ ซิตี้ วัตเฟิร์ด เบิร์นลี่ย์และพาเลซ

ถ้าคนเรามีรายได้แล้วไม่ต้องจ่ายก็ดี แต่ชีวิตเป็นแบบนั้นไม่ได้ พรีเมียร์ ลีกรวยก็จริง แต่รายจ่ายเยอะ 2017-18 พรีเมียร์ ลีก มีรายจ่ายเฉพาะเงินเดือน 59 % ของรายได้ รับ 5,440 ล้านปอนด์ จ่ายเงินเดือน 3,217 พันล้านปอนด์ แต่ถือว่าสัดส่วนดีกว่า สเปนและอิตาลี ซึ่งอยู่ที่ 66 % และฝรั่งเศสนั่นเลยเถิดไป 75 %

ใช้จ่ายเกินตัวทั้งนั้น และไม่มีใครรู้ว่าโลกต้องเจอโควิค-19 อัตราการเติบโตทางธุรกิจฟุตบอลที่คาดว่าจะโตเท่านั้นเท่านี้กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่รายจ่ายมารออยู่แล้ว เพราะสัญญาที่ทำไว้ล่วงหน้า และบางทีก็ทำสัญญาไปเรื่อยๆ เพราะไม่จำเป็นต้องมองว่า รายได้แท้จริงคืออะไร

มาดูสถานะปัจจุบันของทีมบ้าง หนักสุดคือเชลซี มีเงินกู้โรมัน อบราโมวิชอยู่ 1,125 ล้านปอนด์ แมนฯ ซิตี้ไม่ปรากฏหนี้สิน นอกเหนือจากเงินปรับปรุงสนาม 66 ล้านปอนด์ ที่ยืมจากเจ้าของ รวมแล้วชีคมันซูร์อัดฉีดเข้าให้สโมสร 1.13 พันล้านปอนด์ นับจากปี 2008 ทำเอาโรมันเป็นที่สองไปเลย เพราะเจ้าของเชลซีอุดเงินให้สโมสรมาตั้งแต่ปี 2003  ยังน้อยกว่าแมนฯ ซิตี้

แมนฯ ยูฯ หนี้ 254 ล้านปอนด์ แต่สามารถปันผลกำไรให้ผู้ถือหุ้นได้ ลิเวอร์พูล กู้ธนาคารอยู่ 56 ล้านปอนด์ ยืมเจ้าของมาอีก 99 ล้านปอนด์  รวมแล้ว 155 ล้านปอนด์

จะเห็นได้ว่า แมนฯ ซิตี้หรือเชลซีไม่ต้องกังวลเรื่องอนาคต ตราบใดที่โลกยังใช้น้ำมันและเจ้าของทีมยังสนุก แมนฯ ยูฯ ก็พยายามตอบแทนผู้ถือหุ้น เพราะนั่นคือเสาหลักที่ค้ำยันสโมสร ลิเวอร์พูล โดยบิลล์ โฮแกน CEO คนใหม่ บอกว่า พยายามทำให้สโมสรยั่งยืนและสนับสนุนเยอร์เก้น คลอปป์ให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้คลอปป์ต้องใช้นโยบายปั้นและพัฒนาของเดิมเท่านั้นเอง

ถ้าเราเห็นรายงานด้านการเงินฤดูกาล 2019-20 ซึ่งออกปีหน้า จะยิ่งชัดเจน

การแข่งขันในสนามก็น่ากลัวอยู่แล้ว ถ้าดูการซื้อนักเตะของคู่แข่งสำคัญ แต่เราไม่สามารถทำตามเพื่อนบ้านได้ตลอดเวลา

FSG ไม่ได้ถูกที่สุด แล้วคนอื่นผิด แต่อย่าลืมว่า ลิเวอร์พูลล้าหลังกว่าแมนฯ ยูฯ เรื่องการค้า เพราะการบริหารผิดพลาดมา 20 ปี เพิ่งฟื้นตัว จะใช้จ่ายแบบทีมอื่นคงไม่ได้ เจ้าของนโยบายไม่เหมือนกันยิ่งเทียบแมนฯ ซิตี้และเชลซี ยิ่งโดยกฎไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ บีบเข้าไปอีก ยิ่งเป็นไปไม่ได้

แต่แบบนี้สนุกดี เพราะ คลอปป์และนักเตะสร้างมาตรฐานไว้ แมนฯ ซิตี้ก็ลุย เชลซีก็แค้น แมนฯ ยูฯก็เปิดหน้าสู้ ซื้อมาเยอะๆเลย เพราะสุดท้าย คุณใข้นักเตะได้  11 คน ตัวสำรองอีก 3 ส่งรายชื่อได้แค่ 25 คน ก็น่าสนใจว่า แฟรงค์ แลมพาร์ดจะบริหารจัดการทีมอย่างไร ทุกคนที่ย้ายมา อยากเล่น พวกที่อยู่เดิมพร้อมเป็นตัวสำรอง และรอเล่นถ้วยอื่นอย่างเดียวหรือ

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี