#ชีวิตผีหลังร่วงชปล.
ทั้งๆ ที่ออกสตาร์ตได้สวยงามเก็บเรียบ 6 คะแนนเต็มจากชัยชนะเหนือ เปแอสเช และ แอร์เบ ไลป์ซิก
แต่บทสรุปหลังจบแมตช์เดย์ 6 ปรากฏว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เก็บได้แค่ 9 แต้ม จบอันดับ 3 ร่วงไปเล่นยูโรปา ลีก ที่คุ้นเคย
หายนะที่ ปีศาจแดง ต้องประสบ หลังจบเห่ในยูซีแอล มีมากมายหลากหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ และผลประโยชน์ ตามรายละเอียดดังนี้
– หากผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ แชมเปี้ยนส์ ลีก จะได้เงินรางวัลเพิ่มอีก 8.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 340 ล้านบาท) ซึ่งมากกว่าการได้แชมป์ ยูโรปา ลีก เกือบ 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 40 ล้านบาท) โดยแชมป์ถ้วยเล็กจะได้เงินรางวัลอยู่ที่ 7.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 308 ล้านบาท)
– หากผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก จะได้เงินรางวัลเพิ่มอีก 9.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 380 ล้านบาท)
– หากผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก จะได้เงินรางวัลเพิ่มอีก 11 ล้านปอนด์ (ประมาณ 440 ล้านบาท)
– หากคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก จะได้เงินรางวัลเพิ่มอีก 17.3 ล้านปอนด์ (ประมาณ 692 ล้านบาท)
นอกจากนี้มันก็จะส่งผลร้ายติดตามมาในเรื่องการดึงนักเตะใหม่มาเสริมทัพในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาว เพราะบรรดาซูเปอร์สตาร์คงไม่อยากย้ายมาอยู่กับทีมที่ไม่ได้เล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก และหากไม่สามารถหวนกลับมาเล่นถ้วยใหญ่ยุโรปได้ ปัญหาดังกล่าวก็จะเลยเถิดไปถึงตลาดซัมเมอร์ 2021 ด้วย
ความปราชัยที่เร้ดบูลล์ อารีน่า สะท้อนให้เห็นถึงฝีมืออันอ่อนด้อยของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่พลาดตั้งแต่วางแผน โดยปรับระบบใช้ 3 เซนเตอร์ เพื่้อเน้นความรัดกุมเหนียวแน่น เพราะขอแค่เสมอก็เข้ารอบ
ไลป์ซิก เป็นทีมที่เข้าทำโจมตีรวดเร็ว ไม่ใช่ทีมที่เน้นการครอบครองบอล ซึ่ง โซลชา เคยใช้หมากนี้แล้วได้ผลอยู่บ่อยครั้ง เพราะสามารถฉาบฉวยความผิดพลาดของคู่แข่ง และสวนกลับได้อันตราย
ซ้ำร้ายแนวรับปีศาจแดงกลับสับสน ทั้งเรื่องยืนตำแหน่ง และประกบตัวคู่แข่ง จนโดนสอย 2 ตุง เมื่อผ่านไปแค่ 13 นาที
ส่วนจังหวะขับเคลื่อนเกมรุกก็ไร้พิษสง แม้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส พยายามงัดลีลา “เดอะ แบก” คอยวิ่งพล่านทุ่มเทไปทั่วสนาม
แต่เมื่อคนเป็นผู้จัดการทีมอย่าง โซลชา ตัดสินใจอะไรๆ ค้านสายตาบ่อยครั้ง จนแฟนผีพากันส่ายหน้าด้วยความเบื่อหน่าย โดยเฉพาะการใช้ 2 โควสำรองที่้เหลือหลังสังเวยประตูไปเพื่อเปลี่ยนสองกองหลังอย่าง วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ กับ อารอน วาน-บิสซาก้า ซึ่งต่างมีปัญหาเจ็บรบกวนมาก่อนหน้านี้ออกไป โดยปรับตามตำแหน่งให้ อักเซล ตวนเซเบ้ และ ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์ ลงแทน
ซึ่งเหตุผลเชื่อว่า โอเล่ คงหวังแค่รักษาทรงไม่ให้แพ้ยับเยินไปกว่านี้
สำหรับตอนสตาร์ตครึ่งหลังนั้นปรับกลับมาใช้ระบบประจำ 4-2-3-1 โดยส่ง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ลงแทน เตลลิส และให้ ชอว์ ยืนฟูลแบ็กซ้ายงานถนัด ซึ่ง โอเล่ เชื่อมั่นในตัว ชอว์ แม้ร้างสนามมานาน และถอด เตลลิส ที่น่าจะเหมาะกับสถานการณ์ที่อยากได้ประตูมากกว่า
ผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกม โอเล่ ก็เปลี่ยน ชอว์ ออก แล้วให้ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ เล่นแบ็กซ้ายแทน และหลายคนคงเกิดคำถามในใจว่าเก็บ เตลลิส ไว้แต่แรก ไม่ดีกว่าเหรอ ในเมื่อ โอเล่ รู้ดีว่าร่างกายของ ชอว์ สามารถยืนระยะได้มีข้อจำกัดแค่ไหน โดยไอ้หนุ่ม วิลเลี่ยมส์ นอกจากจังหวะเรียกฟรีคิกอันตรายได้แล้ว นอกนั้นยังโฉ่งฉ่าง และมีแค่ใจสู้เท่านั้น
ส่วน ปอล ป็อกบา แทน มาติช นั้นก็เป็นไปตามสถานการณ์ที่ทีมต้องการประตู
เข้าช่วง 10 นาทีสุดท้ายโดนนำ 3 ตุง บรรดาเร้ด อาร์มี่ ต่างพากันยอมรับสภาพ แต่แข้งอสูรยังสู้สุดใจ แล้วคึกคักขึ้นทันตาเห็น เมื่อ เมสัน กรีนวู้ด เรียกจุดโทษได้ และ บรูโน่ ก็สังหารไม่พลาด ก่อนที่ ป็อกบา จะโขกจุดประกายความหวังในช่วง 10 กว่านาทีที่เหลือ เมื่อสกอร์ขยับมาเป็น 3-2
ณ ขณะนั้นบรรดานักเตะเจ้าถิ่นเริ่มสมาธิหลุด สีหน้าบ่งบอกถึงความเป็นกังวล และ ปีศาจแดง ก็พยายามใช้โมเมนตัมที่โอนเอียงมาเข้าทางบุกใส่ แต่อาวุธที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการเล่นเกมรุกอย่าง โอเดียน อิกาโล่ กองหน้าธรรมชาติที่น่าจะทำให้ทีมได้ลุ้นมากกว่านี้จากจังหวะเทกตัวโหม่งกลางอากาศ กลับเป็นเพียงผู้ชมข้างสนาม เช่นเดียวกับ ฆวน มาต้า ที่แม้สังขารร่วงโรยรา แต่ประสบการณ์โชกโชนยังมีประโยชน์ในนาทีชี้เป็นชี้ตาย
แต่ โอเล่ ผลาญโควตาสำรองครบ 5 คนไปเรียบร้อย และฟ้องให้เห็นว่าถอดใจเรียบร้อย แถมยังไม่กล้าสั่งให้ แฮร์รี่้ แม็กไกวร์ ดันขึ้นไปเล่นกองหน้าอย่างที่มันควรจะเป็นอีกด้วย
“มือไม่ถึง” คือสิ่งที่แฟนผีมากมายมองความสามารถของ โซลชา และแม้เคยมีฟอร์มเก็บชัยสวยๆ มาคอยช่วยให้เจ้าตัวรอดพ้นจากช่วงกดดันคับขันอยู่บ่อยๆ
ทว่าความผิดหวังในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อน รวมทั้งข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจริงจากการทำงานที่ชักไม่ค่อยเวิร์กของ กุนซือนอร์วีเจี้ยน
บทความโดย :: โรบิน
อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้
บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้
เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี
