#จุดโทษยูไนเต็ด

#จุดโทษยูไนเต็ด ชัยชนะเหนือคริสตัล พาเลซ 2-0

#จุดโทษยูไนเต็ด ชัยชนะเหนือคริสตัล พาเลซ 2-0

ที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นท็อปโฟร์ยันนัดสุดท้ายของฤดูกาล

ที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ลุ้นท็อปโฟร์ยันนัดสุดท้ายของฤดูกาล

 

แน่นอนว่าการประสานงานของแนวรุกทำได้ยอดเยี่ยมเนียนตามากๆ โดยเฉพาะคู่หูมหาประลัย มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่เข้ากันดีเหลือเกิน

แต่ในรายละเอียดแล้ว ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามแซะ แขวะ เหน็บแนม เรื่องการที่ ปีศาจแดง มักได้ประโยชน์จากเสียงนกหวีดของผู้ตัดสิน และที่เซลเฮิร์สท์ พาร์ค ทางฝั่ง ดิ อีเกิลส์ ต่างฉุนขาดที่โดนปฏิเสธจุดโทษจากจังหวะที่ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ปะทะกับ วิลฟรีด ซาฮา แต่เชิ้ตดำ เกรแฮม สกอตต์ และทีมงานวีเออาร์ปล่อยผ่าน รวมทั้งชอต จอร์แดน อายิว ส่งบอลเข้าไปนอนในก้นตาข่ายได้ แต่ไม่ให้ประตูจากการที่เขาถูกตัดสินว่าล้ำหน้านิดหน่อย

ขณะที่ก่อนหน้านั้นเกมเยือน แอสตัน วิลล่า ก็มีจังหวะปัญหาที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เรียกจุดโทษ และลุกขึ้นมาสังหารด้วยตัวเอง ท่ามกลางเสียงคัดค้านว่าไม่สมเหตุสมผล และทีมงาน VAR ก็ออกมายอมรับภายหลังว่าพวกเขาผิดพลาดกันเอง

อีเอสพีเอ็น สื่อกีฬาระดับโลกรวบรวมสถิติ และระบุชัดเจนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ได้รับประโยชน์จากวีเออาร์มากที่สุดในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 ด้วยจำนวน +8 หากหักลบระหว่างการที่วีเออาร์เปลี่ยนคำตัดสินจนเป็นผลดี และชอตที่วีเออาร์เปลี่ยนคำตัดสินจนเป็นผลเสีย

นี่คือซีซั่นแรกที่พรีเมียร์ลีกใช้ระบบดูคลิประหว่างเกมเพื่อช่วยทำการตัดสิน แต่การทำหน้าที่ของทีมงานวีเออาร์ก็ตกเป็นประเด็นร้อนฉาวโฉ่หลายครั้ง

ทั้งนี้ อีเอสพีเอ็น บอกว่าในศึกพรีเมียร์ลีกตลอดทั้งซีซั่นนี้ วีเออาร์กลับคำตัดสินโดยที่เป็นผลดีกับแมนฯ ยูไนเต็ด 10 ครั้ง และเป็นผลเสียกับพวกเขา 2 หนเท่านั้น ทำให้ผลต่างระหว่างการกลับคำตัดสินที่เป็นผลดีและเป็นผลเสียจากวีเออาร์ของ ปีศาจแดง อยู่ที่ +8

ส่วนอันดับ 2 ในชาร์ตนี้คือ ไบรท์ตัน ที่มีผลต่างอยู่ที่ +7 ขณะที่ พาเลซ ตามมาเป็นอันดับ 3 ที่จำนวน +4

สำหรับผลต่างระหว่างการกลับคำตัดสินที่เป็นผลดีกับเป็นผลเสียของทีมใหญ่ทีมอื่นๆ นั้น ประกอบด้วย ลิเวอร์พูล อยู่ที่ +2, เลสเตอร์ ซิตี้ +1, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ +1, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ -1, อาร์เซน่อล -2 และเชลซี -2

สถิติผลต่างการกลับคำตัดสินที่เป็นผลดีและผลเสียจาก VAR ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 ตามการสำรวจของ อีเอสพีเอ็น
ผลต่าง วีเออาร์ผลดี วีเออาร์ผลเสีย
1. แมนฯ ยูไนเต็ด +8 10 2
2. ไบรท์ตัน +7 9 2
3. พาเลซ +4 8 4
4. เบิร์นลี่ย์ +3 6 3
– นิวคาสเซิ่ล +3 3 0
6. ลิเวอร์พูล +2 5 3
7. เลสเตอร์ +1 8 7
– เซาธ์แฮมป์ตัน +1 6 5
– สเปอร์ส +1 8 7
10. บอร์นมัธ 0 5 5
11. เอฟเวอร์ตัน -1 3 4
– แมนฯ ซิตี้ -1 7 8
– วัตฟอร์ด -1 2 3
14. อาร์เซน่อล -2 3 5
– เชลซี -2 5 7
16. วิลล่า -3 2 5
17. นอริช -5 2 7
– เชฟฯ ยูไนเต็ด -5 3 8
– เวสต์แฮม -5 5 10
– วูล์ฟส์ -5 2 7

ฤดูกาลนี้ทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้จุดโทษในพรีเมียร์ลีกรวม 13 ครั้ง และกลายเป็นเป้าโจมตีของบรรดาอริร้ายทั้งหลาย

แต่มันก็มีเหตุผลรองรับ ในเมื่อแนวรุกปีศาจแดงมีนักเตะที่คล่องแคล่วรวดเร็วปราดเปรียว และสามารถกดดันใส่คู่แข่งจนปั่นป่วน ซึ่งก็อาจคล้ายคลึงกับ เรอัล มาดริด ที่ได้จุดโทษบ่อยครั้งเหลือเกินในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม และปาดหน้า บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลา ลีกา สเปน ไปครอบครองได้สำเร็จ

ราชันชุดขาว ก็ไม่รอดคำตำหนิ กระแหนะกระแหน เรื่องการได้อภิสิทธิ์พิเศษจากคำตัดสินต่างๆ

อย่างไรก็ตามเมื่อเจาะรายละเอียดอย่างลึกซึ้งแล้วจะพบว่า เรอัล มาดริด เป็นทีมที่เล่นเกมรุกเยอะ มันก็ย่อมมีโอกาสได้จุดโทษมากกว่าทีมอื่นๆ เป็นธรรมดา

นั่นคือทรรศนะจากปากของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์แอตเลติโก้ มาดริด ที่คุยกันตรงๆ ตามเนื้อผ้า

แต่พอเปลี่ยนจาก เรอัล มาดริด มาเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ทำไมเรื่องการได้จุดโทษบ่อยๆ มันจึงกลายเป็นประเด็น “ขี้โกง” และ “เอาเปรียบคู่แข่ง” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยจริงๆ

 

บทความโดย  :: โรบิน

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี