จอร์แดน เฮนเดอร์สัน “ปัญหาทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น”

ปีที่มืดมิดผ่านไป เท่ากับชีวิตของจอร์แดน เฮนเดอร์สันอยู่กับลิเวอร์พูลมาเกือบ 1 ทศวรรษ

ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน พยายามรณรงค์ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอังกฤษ (NHS) ซึ่งเขาอาจผูกพันเป็นพิเศษ พ่อเขามีชีวิตอยู่เห็นความสำเร็จของลูกเพราะบุคลากรทางการแพทย์ช่วยไว้จากโรคมะเร็ง ขณะที่รัฐบาลพยายามกดดันให้นักเตะลดเงินเดือนเพื่อช่วยเหลือคนอื่นในสังคม เฮนโด้ทำได้ดีกว่า

เป็นกระบอกเสียงตั้งกองทุนกอบกู้วิกฤติ ระดมทุนได้หลายล้านปอนด์จากบรรดานักเตะพรีเมียร์ ลีก ช่วยเหลือ NHS

ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลงเพราะเหตุการณ์ปี 2020 หรือไม่ “มันทำให้มุมมองเปลี่ยนไป เราต้องไม่ประมาท อย่าคิดว่าทุกอย่างเกิดขึ้นโดยง่าย (Take stuff for granted) แต่ต้องจัดลำดับความสำคัญ ครอบครัวและสุขภาพ คือสิ่งสำคัญ สนุกกับชีวิตเมื่อมีโอกาส อย่าดำดิ่งกับความเศร้า”

“ทุกคนยากลำบากเพราะไวรัส หวังว่าเราจะพบทางออกโดยเร็ว คนมากมายต้องยากลำบาก เสียชีวิตก็เยอะ มันกระทบเราทุกคน สำหรับผมและเพื่อนกัปตันทีมของสโมสรอื่นๆ เราพยายามช่วย เปลี่ยนให้บางอย่างแตกต่างไป”

ลิเวอร์พูลได้แชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปี เฮนเดอร์สันได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี และรองชนะเลิศในการโหวตสปอร์ต เพอซันแนลิตี้ แห่งปีของบีบีซี ตรงข้ามกับเมื่อก่อน เฮนเดอร์สันเคยได้รับก้อนอิฐมากกว่าดอกไม้

ลิเวอร์พูลไปเยือนเซาแธมป์ตันค่ำวันจันทร์ การเจอเซาแธมป์ตันเมื่อเมษายน 2019 คือจุดเปลี่ยนของฤดูกาล เฮนเดอร์สันลุกจากม้านั่งสำรอง แล้วพลิกสถานการณ์ให้ลิเวอร์พูลกลับมาชนะ 3-1 หลังจากโดนนำก่อนตั้งแต่ต้นเกม เมื่อจำเป็น กัปตันของลิเวอร์พูลสามารถรับบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุก สร้างสรรค์เกมแบบตามถนัด

เฮนเดอร์สันเคยผ่านวิกฤติครั้งสำคัญ รุนแรงชนิดที่คนนอกไม่อยากเชื่อว่า ปัญหาหนักหนาขนาดนั้นเชียวหรือ เขาจดจำได้ดี การย้ายจากซันเดอร์แลนด์เมื่อมิถุนายน 2011 ค่าตัว 20 ล้านปอนด์ หนึ่งในการซื้อกลุ่มแรกๆของ FSG ความสำคัญของเฮนโด้ต่อลิเวอร์พูลมากมายนักเตะ จนไม่อยากเชื่อว่า 14 เดือนหลังการย้ายทีม เขาเกือบโดนแลกตัวกับคลิ้นต์ เดมพ์ซี่ย์

“ผมจำช่วงแห่งความทุกข์ยากได้ดี” เฮนโด้บอกว่าถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว “เราเตรียมเล่นรอบคัดเลือกยูโรป้า ลีกกับฮาร์ทส์ ที่แอนฟิลด์ ทีมรวมตัวกันที่โฮป สตรีท โฮเทลตามปกติ มีคนมาเคาะประตูห้องบอกผมว่า ผจก.อยากคุยด้วย แต่ไม่มีอะไรมากแค่คุยกันธรรมดา อันนี้ต้องเข้าใจเบรนดัน ร็อดเจอร์ส เรื่องย้ายไปฟูแล่ม แต่ผมไม่ชอบและไม่อยากย้าย ผมรู้สึกว่ามีความสามารถช่วยลิเวอร์พูลได้อีกเยอะ”

“แต่ตอนนั้นก็มืดมิดเหมือนกัน ซึ่งมีส่วนทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น หากไม่มีเรื่องทุกข์ยาก เราไม่รู้หรอกว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ผมมีความสุขกับความทุกข์เหล่านั้น ชีวิตต้องมีอุปสรรค ต้องการปัญหา ทำให้คุณเข้มแข็ง แข็งแกร่งขึ้นน คุณต้องการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่า คิดผิด”

“ตั้งแต่วันนั้น มีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในใจผม ต้องการพิสูจน์กับผจก.เพื่อเข้าไปอยู่ในทีมเขา ผมทำทุกอย่างเพื่ออยู่ในทีมของเขา สโมสรนี้ พิสูจน์ให้คนที่ไม่เชื่อเห็นว่า คิดผิด สุดท้ายผมทำได้”

เฮนเดอร์สันบอกว่า เขาและรีเบ็คก้า ภรรยาต้องเข้าใจกันระหว่างมรสุมครั้งสำคัญในชีวิต “มันยาก ผมไม่อยากเอาครอบครัวมาปะปนกับฟุตบอล ตอนนั้นผมอารมณ์เสียทุกวันเมื่อกลับถึงบ้าน ผมยังอายุน้อย ต้องเรียนรู้วิธีรับมือกับสถานการณ์อย่างนั้น แต่ผมต้องมีสมาธิกับสิ่งที่ต้องทำ ต้องซ้อม ทำทุกอย่างให้ดีขั้น พัฒนาร่างกายด้วยการเข้ายิม ซ้อมตลอดเวลา”

“ทำสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ เพื่อให้ได้โอกาส สำหรับผม ผมสนใจแต่สิ่งที่ผมรัก นั่นคือเล่นฟุตบอล พัฒนาความสามารถให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ รีเบ็คก้าคอยให้กำลังใจ แต่มันคือช่วงที่ยากจริงๆ”

สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดเผยในชีวะประวัติของเขาว่า แม่ของเฮนโด้กังวลเกี่ยวกับอนาคตของลูกชาย และเฮนโด้เคว้งคว้าง ณ เวลานั้น เจอร์ราร์ดยอมรับว่า เฮนโด้ทำให้เขารู้สึกแก่ไปถนัดใจ เพราะเขาคือนักเตะที่อยู่ในโปสเตอร์ติดผนังห้องนอนเฮนโด้ และกัปตันบอกทุกคนว่า สโมสรพบตัวแทนของเขาแล้ว เขาบอกแม่เฮนโด้ว่า “นี่คือนักเตะที่ผมพยายามดูแลให้ดีที่สุด”

เขาสัญญากับลิซ เฮนเดอร์สันว่าจะดูแลลูกชายเธอ แต่จากการที่ใกล้ชิดกันเขาบอกครอบครัวเฮนโด้ว่า “ผมรู้ว่าเขาต้องทำได้” เขาบอกกับทุกคนว่า สักวัน จอร์แดน เฮนเดอร์สันจะเป็นผู้เล่นคนสำคัญของสโมสร

แล้วเฮนเดอร์สันมั่นใจแบบนั้นหรือไม่ “คุณไม่รู้หรอกจะเกิดอะไรขึ้น ผมเซ็นสัญญาตอนอายุน้อยๆ ผมรู้ว่าต้องยากแน่นอน แต่ผมต้องการทดสอบตัวเอง ผมรู้ว่า การมาลิเวอร์พูลทำให้ผมเก่งขึ้น แต่กินเวลาเหมือนกันกว่าจะมาถึงวันนี้”

เขาเริ่มมีความสำคัญในปี 2014 ลิเวอร์พูลมีลุ้นแชมป์ แพทย์บอกว่า ไบรอัน พ่อเขาเป็นมะเร็งที่คอ “อึ้งไปเลย ผมไม่เจอพ่อห้าเดือน พ่อไม่อยากให้เราเห็นว่าร่างกายเป็นอย่างไรระหว่างบำบัด ผมได้แต่กัดฟันสู้ เล่นฟุตบอล ผมรู้ว่าพ่อดูอยู่ ชัยชนะของเราน่าจะช่วยได้บ้าง”

“ผมปล่อยพลังงานทั้งหมดในสนาม ไม่สนใจอย่างอื่นจนเวลาหกเดือนผ่านไปเร็วแบบไม่น่าเชื่อ หมอบอกพ่อตอนสิ้นเดือนมกราคม เวลาลงสนาม ผมไม่คิดอะไร พยายามเล่นให้ดีและหวังว่าจะช่วยให้พ่อสบายใจขึ้นบ้าง”

แต่ตอนนั้น เฮนโด้ต้องพบจิตแพทย์เหมือนกัน “พ่อป่วย ทีมลุ้นแชมป์ลีก ผมคุยกับสตีฟ ปีเตอร์ส จิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ผมคุยกับเขาตอนไปแคมป์ทีมชาติอังกฤษด้วย การคุยกับสตีฟสัก 2 ปี ทำให้ชีวิตดีขึ้น”

“เราต้องเจอเรื่องแบบนี้แทบทุกคน มันทำให้เราเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าเดิม ผมรู้อะไรอีกหลายอย่าง อะไรที่ช่วยให้พ่อแข็งแรงขึ้น ผมคิดว่าทำให้พ่อดีขึ้น พ่อมีความสุขมากกว่าเมื่อก่อน หากคุณผ่านปัญหาได้ คุณจะมองอะไรในแง่บวกมากขึ้น แต่บางทีหลายคน ชีวิตไม่จบด้วยความสมหวัง”

คืนที่เฮนเดอร์สันชูถ้วยชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก เขาสวมกอดกับพ่อในสนาม น้ำตาแห่งความปิติใหลแบบไม่สามารถห้ามได้ นอกจากการฉลอง ที่พ่อหายจากโรคมะเร็ง ยังหมายถึงเฮนเดอร์สันเป็นที่ยอมรับอย่างสูงสุดในวงการฟุตบอล โดยเจ็ดสัปดาห์ก่อน เขาเป็นแค่ตัวสำรองกับเซาแธมป์ตัน ต่อสู้เสียงวิจารณ์ คนที่ไม่เชื่อมั่น เมื่อคลอปป์ให้เขาเล่น มิดฟิลด์ตัวปั้นเกมแทนที่จะเป็นตัวรับ

นั่นคือจุดเปลี่ยนเล็กๆ” เฮนเดอร์สันเล่า “ฟอร์มผมก่อนนั้นก็ดี แต่นั่นคือจุดเริ่มของการเล่นตำแหน่งต่างจากเดิม ผมให้มิติที่แตกต่างกับทีมได้ ทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น ผมเล่นดีขึ้น สม่ำเสมอยิ่งขึ้น”

“ตอนผจก. (เยอร์เก้น คลอปป์) รับตำแหน่ง ผมเจอปัญหาเหมือนกัน เพราะการบาดเจ็บ เจ็บเรื้อรัง กินเวลากว่าผมจะหาจังหวะและเล่นได้เหมือนเดิม ต่อมาผมเริ่มเล่นตำแหน่งต่ำกว่าเดิม ต้องขอบคุณเยอร์เก้น เพราะ ไม่คิดว่าหลายคนเห็นว่าผมเล่นตรงนั้นได้ ก็มีที่ผมเล่นไม่ดี นั่นคุณอาจสงสัยว่า เราดีพอหรือเปล่า แต่ผมมั่นใจในผจก. ทำงานต่อไป จนทำสำเร็จ ผมขอบคุณที่ได้โอกาสนั้น ทำให้เกมของผมครบเครื่องยิ่งขึ้น รับและรุก”

ยากแค่ไหนกว่าคลอปป์จะยอมเปลี่ยนเขากลับไปเล่นมิดฟิลด์รุก “ตอนเราได้ฟาบินโญ่ มิดฟิลด์รับแบบธรรมชาติ ผมคิดว่าดีกับผม สามารถรุกได้มากขึ้น เมื่อผมคุยกับผจก. เขาเปิดรับ แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะให้ผมเล่นแบบนั้นทันที จากนั้นไม่นาน ผมเป็นตัวสำรอง เกมเซาแธมป์ตัน ลงเล่นในตำแหน่งตัวรุกและยิงประตูได้ แต่ผมพร้อมก่อนหน้านั้น ตอนสิ้นปี ผมเล่นนัมเบอร์ 8 มากกว่า แต่เพราะการบาดเจ็บของผู้เล่นในทีม ทำให้ผมต้องเล่นตัวรับมากกว่าเดิม แต่ผมคิดว่าช่วยทีมได้ ไม่ว่าจะตำแหน่งไหน”

จันทร์นี้ ลิเวอร์พูลต้องไปเยือนเซนต์ แมรี่ หลายคนยังเชื่อมั่นว่าทีมจะป้องกันแชมป์ได้ “สองสามปีที่ผ่านมา เราพิสูจน์ให้เห็นว่า เรามีความสามารถแค่ไหน และตอนนี้เราต้องทำให้ดีกว่าเดิม เล่นให้เต็มที่ อยากประสบความสำเร็จมากขึ้น และทำทุกอย่างให้เต็มที่ ถือว่าเรามีโอกาส แต่พรีเมียร์ ลีกเปลี่ยนแปลงได้เร็วมาก แต่สำหรับผมและทีม เรายังหิวกระหายเหมือนเดิม”

การระบาดใหญ่ทำท่าจะเป็นอุปสรรคของฟุตบอลอีก เฮนเดอร์สันบอกว่า เขาไม่อาจมองข้ามการทำงานของญาติ เพื่อนๆ ใน NHS “เรื่องราวการทำงานของพวกเขา ต้องเจออะไรบ้าง มันยากมาก พวกเขาคือแนวหน้า แน่นอนการระบาดส่งผลกระทบมากชึ้น เราต้องวางแผนที่จะช่วยพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะพวกเขาต้องทำอะไรที่ไม่น่าเชื่อ”

“คนเสียชีวิต โดยครอบครัวไม่อาจไปเยี่ยมได้ เจ้าหน้าที่ต้องถือโทรศัพท์หรือไอแพดให้ผู้ป่วยบอกลาครอบครัว เป็นเรื่องเศร้ามาก คนในแนวหน้าต้องเจออะไรที่โหดร้าย แต่พวกเราสามารถช่วยได้ สนับสนุน ให้กำลังใจ ช่วยเผื่อว่าบางทีเรื่องเหล่านี้จะสิ้นสุดลง”

การระบาดของโควิด-19 ทำให้เฮนเดอร์สันไม่ค่อยได้เจอพ่อเท่าไรในปี 2020 “พ่อมีโอกาสเสี่ยงติด ต้องระวังตัว เมื่อรัฐบาลคลายการล็อค ดาวน์ ผมได้เจอพ่อบ้าง ครั้งหรือสองครั้ง ไม่บ่อยแต่พ่อกำลังใจดีอยู่”

หลายคนหันหน้าเข้าหาอัลกอฮอลเวลาเจออุปสรรค เฮนเดอร์สันบอกว่า “ปกติผมไม่ดื่มอัลกอฮอลอยู่แล้ว ปี 2020 หลายคนคิดว่าอัลกอฮอลช่วยได้เวลามีปัญหา จะได้ลืมเรื่องทุกข์ยาก ผมได้ยินเวลาคนพูดว่า ดื่มเยอะๆ เพื่อพ้นปัญหา แต่ลองดูซิ ถ้าเราไม่ดื่มตลอดเดือนมกราคม พยายามดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เริ่มต้นปีใหม่ให้ดีจะเป็นอย่างไร”

9 ปีครึ่งกับฟุตบอลผ่านไปรวดเร็ว เขาอายุ 30 ปี เคยคิดถึงชีวิตหลังการเล่นฟุตบอลหรือยัง

“ผมยังไม่คิด หวังว่าจะเล่นได้อีกนาน ผมยังมุ่งมั่น อยากประสบความสำเร็จและรักฟุตบอลเหมือนเดิม ร่างกายและจิตใจดี ผมไม่คิดล่วงหน้าไปไกล พยายามคิดถึงแค่สิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุด เพื่อสโมสรและอังกฤษ แล้วดูว่าจะไปกันได้ถึงไหน”

อ่านเพิ่มเติม : https://soccerworlds.net/

กิตติกร อุดมผล

แปลจาก https://www.theguardian.com/football/2021/jan/01/jordan-henderson-liverpool-i-was-in-a-very-dark-place-it-made-me-a-lot-stronger