ฟุตบอลแบบที่ควรเล่นและดีที่สุด

การเล่นฟุตบอลสูตรไหนดีที่สุด ผมว่าจนถึงวันนี้ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง 100 %

การเล่นฟุตบอลสูตรไหนดีที่สุด ผมว่าจนถึงวันนี้ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง 100 %

แต่ละยุคแต่ละสมัย ฟุตบอลพัฒนาไปเรื่อยๆ

การเล่นฟุตบอลสูตรไหนดีที่สุด ผมว่าจนถึงวันนี้ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง 100 %

สมัยเด็ก ๆ ผมอ่านซอคเกอร์เจอสูตร WM ทีมนิยมกันมาก มีฟูล-แบ๊ค 3 ตัว ฮาล์ฟ-แบ๊ค 2 ตัว จากนั้นเป็น อินไซด์ ฟอเวิร์ด หรือ ในซ้ายในขวา อีก 2 คน กองหน้า 3 คน คือ ปีกซ้าย ศูนย์หน้า และปีกขวา

ในฉับพลันโลกตะลึงด้วนระบบ 2-3-3-2 ของฮังการี ซึ่งบุกเอาชนะอังกฤษถึงเวมบลี่ย์ 6-3 สื่อฟุตบอลอังกฤษขนานนามว่า เป็น Match of Century

 

ลองกด Google ดูค้นหา Football Formation ขึ้นมาพรืด 20 กว่าอัน แต่หลักใหญ่ๆ มันก็ไม่หนี 3-5-2  5-3-2 4-4-2 และ 4-3-3 และระหว่างเกมก็แปรผันไปตามความสามารถของผู้เล่นและสถานการณ์ ผมว่ามี 1 ลีกที่ตำแหน่งการวิ่งตลอด 90 นาทีแทบไม่เปลี่ยนเลยคือ เจ ลีก สามารถพากย์ได้โดยไม่ต้องรู้จักตัวเล่นเลย

 

ทีนี้ไอ้สูตรหลากหลาย อันไหนดีที่สุด โดยเฉพาะมีคนสรุปว่า ลิเวอร์พูลโดนจับทางได้แล้ว สำหรับการเล่นแบบไฮไลน์

 

จาก 3-4 นัดแรกของฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูฯ คือทีมที่เริ่มเล่นจากหน้าประตูตัวเองมากที่สุด ขณะที่การเพรสซิ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเล่น และการเริ่มเล่นจากผู้รักษาประตูให้เซนเตอร์ 2 คน ค่อยๆหนีการกดดันมักกลายเป็นเหยื่อของทีมที่เพรสซิ่งได้ดี

 

ทฤษฎีหนึ่งโดยมาร์ติน โอนีล  ปัจุบันอายุ 68 ปี หลายคนบอกว่า แก่เกินแกงแล้ว ฟุตบอลพัฒนาไปถึงไหน แต่สิ่งที่โอนีลพูดน่ารับฟังมาก ศิลปะการจัดการทีมที่ดีคือ ปกปิดจุดอ่อน ใช้จุดแข็งให้เต็มที่

 

ผจก. มีแนวทางของตัวเอง เช่น ลีดส์ของมาร์เซโล เบลซ่า กลายเป็นทีมที่เพรสซิ่งใส่คู่ต่อสู้ โดยไม่สนใจว่า พวกเขาเพิ่งขึ้นจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ มีผลงานดี ขณะที่ฟูแล่มของสก๊อต พาร์คเกอร์ยังหาทิศทางไม่เจอ กับการเล่นแบบระมัดระวังตัว

 

โอนีลบอกว่า เรื่องที่ดีที่สุดของฟุตบอลคือ ไม่มีสูตรไหนโดยใครที่ดีที่สุด ไม่มีวิธีการเล่นที่ถูกต้อง ไม่มีการเล่นที่ผิด เช่นกัน การจัดการทีมที่ดี ก็ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวเช่นกัน

 

สิ่งสำคัญคือเล่นให้ชนะ เล่นให้ได้ตามความสามารถของนักเตะ เพราะไม่ใช่วา ทุกทีมจะเล่นได้เหมือนบาร์เซโลน่ายุคยิ่งใหญ่ของเป็ป กวาดิโอล่า แมนฯ ยูฯในยุคของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือเยอร์เก้น คลอปป์ในปัจจุบัน ฟุตบอลที่น่าดู ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ตามข้อจำกัดของนักเตะแต่ละทีม

 

ทีมใหญ่พยายามเล่นแบบครองบอล แมนฯ ซิตี้ และลิเวอร์พูล แต่บางที ลิเวอร์พูลก็ไม่เล่นแบบนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และบางทีการครองบอลไม่ใช่บทสรุปแห่งชัยชนะ เหมือนแมนฯ ซิตี้โดนเลสเตอร์เล่นงาน และลิเวอร์พูลต้องอับอายเพราะแอสตัน วิลล่า

 

ขณะที่การเล่นส่วนใหญ่ของลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จ เพราะความเร็วของกองหน้า กดดันฝ่ายตรงข้ามได้ เหมือนวางกับดัก บังคับให้คู่ต่อสู้เล่นในทิศทางที่ลิเวอร์พูลขุดหลุมพรางไว้

 

เหมือนเกมเจออาร์เซน่อล ลิเวอร์พูลเสียประตู เพราะโดนโต้กลับ แต่ได้ประตูเพราะวิธีการที่ออกแบบมาเพื่อกดดันทีมที่พยายามเก็บบอลจากแดนหลัง ขณะเดียวกัน วิธีการนี้ ใช้ไม่ได้กับแอสตัน วิลล่า ซึ่งไม่เล่นผ่านแนวกดดันของลิเวอร์พูล แต่ข้ามแนวหรือหลุมพรางดังกล่าว

กลายเป็นว่าฟุตบอลของเยอร์เก้น คลอปป์ โดนจับทางได้แล้ว ต่อไปนี้ ทุกทีม สามารถเล่นงานลิเวอร์พูลแบบแอสตัน วิลล่าทำได้ คือฟุตบอลมันไม่ใช่เครื่องถ่ายเอกสาร ที่ทีมหนึ่งทำได้ อีกทีมต้องทำได้ เพราะปัจจัยสำคัญคือ คุณภาพของผู้เล่น

แต่ทีมที่ผู้เล่นความสามารถมากกว่าใช่จะชนะตลอดไป ดูสโต๊คนั่นประไร เคยจัดการลิเวอร์พูลของเบรนดัน ร็อดเจอร์ส หมอบราบคาบแก้วมาแล้ว ทั้งที่คนมองว่าสโต๊คไม่มีอะไร จนว่ากันว่า ต่อให้บาร์เซโลน่ามาเจอสโต๊คก็ลำบาก แต่เอาเถอะ สุดท้าย เรื่องราวแบบแมนฯ ซิตี้ 2 เลสเตอร์ 5 แอสตัน วิลล่า 7 ลิเวอร์พูล 2 หรือสโต๊ค 6 ลิเวอร์พูล 1 มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ

เพราะสุดท้ายความสามารถที่เหนือกว่ามักเป็นผู้ชนะ

หลักการคิดของโทนี่ พิวลิส ผู้ปลุกปั้นสโต๊ค หรือช่วยหลายทีมรอดพ้นการตกชั้นคือ “ระบบและลีลา เกิดขึ้นจากความแข็งแกร่งและจุดอ่อนของผู้เล่นในทีม หลักสำคัญคือ การเข้าใจตัวเอง หรือ Common sense เป็นสิ่งที่เขาใช้ไม่ว่าอยู่กับทีมไหน สโต๊ค เล่นไม่เหมือนคริสตัล พาเลซ เช่นเดียวกับเวสต์ บรอม ขึ้นอยู่กับทรัพยากรของทีม”

ทีมใหญ่มีทางเลือกมากกว่า เพราะทรัพยากรเยอะกว่า โดยเฉพาะเงิน ผจก. สามารถเลือกนักเตะที่เขาอยากได้มากกว่าทีมเล็ก แต่แฟนบอลหรือนักวิจารณ์จะมองว่า ไม่ว่าทีมไหน ฟุตบอลมีแนวทางการเล่นที่ถูกต้อง ซึ่งสวนทางกับโค้ช ที่ต้องปฏิบัติงานจริงตามขุมกำลังที่มีอยู่

คริสตัล พาเลซอยู่ที่ 12 ในตาราง มี 6 คะแนนจาก 4 นัด คือทีมที่เล่นจากแดนหลังน้อยที่สุด รอย ฮ็อดจ์สัน รู้ว่า ไม่จำเป็นต้องทำตามกระแส เล่นตามแฟชั่น จุดสำคัญคือ ทำอย่างไร ทีมจะได้คะแนน ด้วยนักเตะที่มีอยู่

ฟุตบอลเป็นเกมที่ง่าย แต่มันไม่ง่ายอย่างที่เราคิด ยกเว้นแต่เราเล่นกันเอง ในระดับอาชีพยิ่งซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคน

ฟุตบอลของลิเวอร์พูลถูกจับทางได้ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน หากลิเวอร์พูลจะเล่นแบบเดิมเมื่อเจอเอฟเวอร์ตันจะเป็นอย่างไร ใครจะว่าดื้อก็ดื้อ แต่มันน่าสนใจ อีกอย่าง เอฟเวอร์ตันที่ออกสตาร์ทดีๆ จะเปิดเกมใส่ลิเวอร์พูล หรือจะทำแบบที่คาร์โล อันเชล็อตติคุ้นเคย และชนะเยอร์เก้น คลอปป์ได้บ่อยๆ

ผจก. ที่เคยเผชิญหน้ากันในสนาม ไม่กี่คนหรอกที่เยอร์เก้น คลอปป์ไม่เคยชนะ และอันเชล็อตติเป็นหนึ่งในนั้น

หรือลิเวอร์พูลจะหันมาเล่นแบบ แอนตี้ ฟุตบอล ซึ่งโจเซ่ มูรินโญ่เคยวิจารณ์ฝ่ายตรงข้ามที่พยายามอุดประตู ทำหยั่งกับตัวเองไม่เคยเล่นแบบนั้น

 

ผมเชื่อในสิ่งที่เยอร์เก้น คลอปป์พูดไว้ “ในฟุตบอล ต่อให้คุณพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ได้หมายความว่าคุณประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่คุณมีแน่ๆ คือ โอกาสที่จะลองดู”

 

ไม่ได้เห็นเอฟเวอร์ตันผลงานดีอย่างนี้ มา 35 ปี ดีเหมือนกัน จะได้รู้กันไปว่า ชนะ 4 นัดรวดแบบเอฟเวอร์ตัน จะสักแค่ไหนกันเชียว

 

ส่วนแฟนลิเวอร์พูลก็อย่าเหลิงให้มากนัก อย่าลืมว่า ทีมเคยตกต่ำ ผิดหวังมา 30  ปี ได้แชมป์ต่อเนื่องสักสองฤดูกาล ลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมที่แพ้ไม่ได้ ฟุตบอลก็เหมือนชีวิต คุณไม่รู้หรอกว่า จะเกิดอะไรขึ้น มันถึงน่าติดตามนั่นเอง

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี