#บันทึกแชมป์ประวัติศาสตร์ยุติการรอคอย 30 ปี ตอนที่ 5

การคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีของลิเวอร์พูล

Match Day 4 31  Aug 2019

Man City 4  Brighton 0 (เล่นก่อน)

 

การคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีของลิเวอร์พูล

การคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 30 ปีของลิเวอร์พูล ไม่ใช่เรื่องง่ายแบบไร้คู่ต่อกร แมนฯ ซิตี้พยายามอย่างเต็มที่สำหรับการขัดขวางและคว้าแชมป์ให้ได้ติดต่อกัน 3 ฤดูกาล 31 สิงหาคม 2019 แมนฯ ซิตี้ลงสนามเจอไบรท์ตันก่อนลิเวอร์พูลเยือนเบิร์นลี่ย์ หากไม่แกร่งพอลิเวอร์พูลมีสิทธิ์เป๋ได้เหมือนกัน

ทีมของเป็ป กวาดิโอล่าชนะไบรท์ตันแบบไม่ยากเย็น แถมนำก่อนตั้งแต่ 70 วินาทีแรก ก่อนชนะ 4-0 ด้วยประตูของ เควิน เดอ บรอยน์ อาเกวโร่ 2 ประตูและเบอร์นาโด ซิลวา แซงลิเวอร์พูลขึ้นเป็นที่ 1 อาจจะชั่วคราวก็ตามที แต่นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูลห้ามพลาดที่เทิร์ฟมัวร์อย่างเด็ดขาด แค่เสมอก็เสียเปรียบซิตี้แล้ว

Burnley 0 Liverpool 3

ช่วงพรี-ซีซั่น เยอร์เก้น คลอปป์ทำนายว่า ฤดูกาล 19-20 บรรดา 6  ทีมใหญ่น่าจะผลงานดีและกดดันทั้งแมนฯ ซิตี้และลิเวอร์พูลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อนักเตะ คลอปป์บอกว่า ลิเวอร์พูลไม่ได้อยู่ในโลกฟาเทเชีย (Fantasia Land) ไมจำเป็นต้องซื้อนักเตะทุกปี แต่ถ้ามีนักเตะที่เหมาะสมลิเวอร์พูลพร้อมซื้อ เช่น ฟาน ไดค์ หรืออลิซง เช่นเดียวกับทาคิในเดือนมกราคม 2020

ลิเวอร์พูลขุดนี้คุณภาพดีพออยู่แล้ว เงินที่สโมสรมีจำเป็นต้องจ่ายหนี้ โดยเฉพาะ 100 ล้านปอนด์ที่กู้มาปรับปรุงเมน สแตนด์ และสร้างศูนย์ฝึกที่เคอร์บี้อีก 50 ล้านปอนด์ อันนี้เป็นภาพรวมที่ชัดเจนบวกเศรษฐกิจยุคโควิค-19 ทำให้ลิเวอร์พูลต้องใจเย็นกรณีซื้อนักเตะ

การไม่ซื้อนักเตะของคลอปป์ไม่ส่งผลกระทบต่อทีม เพราะแค่เดือนแรกของพรีเมียร์ ลีก ลิเวอร์พูลแสดงความสม่ำเสมอที่สุด นั่นคือชนะ 4 นัดรวด ขณะที่แมนฯ ซิตี้พลาดไป 1 และแมนฯ ยูฯ เสมอที่เซาท์แฮมป์ตัน เชลซีเสมอเชฟฯ ยูฯที่เดอะ บริดจ์และ อาร์เซน่อลกับท็อตแน่มเสมอกันในดาร์บี้แห่งลอนดอน สำหรับสัปดาห์นี้

ลิเวอร์พูลต้องชนะที่เบิร์นลี่ย์เพื่อกลับขึ้นเป็นที่ 1 ถ้าเสมอหรือแพ้เหมือนปี 2016 ซิตี้สามารถช่วงชิงความได้เปรียบคืนและลิเวอร์พูลทำได้เช่นนั้น ด้วยการชนะแบบสบายๆ 3-0 ทำสถิติใหม่สำหรับสโมสร การชนะติดต่อกัน 13 นัดในลีก ทำลายสถิติเดิมระหว่างเมษายน-ตุลาคม 1990 ที่ทำไว้ 12 นัด

“ทีมชุดนี้ต้องการสร้างเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของตัวเอง” คลอปป์กล่าวหลังเกม “หนึ่งคือสถิติ ชนะติดต่อกัน 13 เกม อีกเรื่องคือ เป็นเกมที่ 13 ของฤดูกาล แสดงแนวคิดของแต่ละคนอย่างที่เห็นในวันนี้”

ลิเวอร์พูลโชคดีสำหรับประตูขึ้นนำ เทรนต์ อเลกซานเดอร์-อาร์โนลด์พยายามเปิดบอลที่เฮนเดอร์สันแปะกลับมาเข้ากลาง แต่บอลแฉลบคริส วู้ดทำเอานิค โป๊ปไม่สามารถป้องกันได้ ลิเวอร์พูลนำ 1-0 ในนาที 33

โชคเล็กๆน้อยๆกลายเป็นเรื่องสำคัญเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล หลังจาก 2 อันดับแรกลงเตะตามโปรแกรมของตัวเองจนครบถ้วน ผ่านไป 4 นัด ลิเวอร์พูลกับซิตี้คือ 2 ทีมที่ลุ้นแชมป์ ขณะที่คู่แข่งอื่นๆ ยังปรับตัว

“ผมไม่คิดว่าแมนฯ ซิตี้เป็นที่หนึ่งอีกต่อไป” ณอน ไดซ์ ผจก. เบิร์นลี่ย์กล่าวหลังเกม “ลิเวอร์พูลได้ประตูจากจังหวะที่ไม่น่าจะมีอะไร พวกเขาเปลี่ยนทิศทางเกม จังหวะ จิตวิทยาของนักเตะสองทีมระหว่างเกม พวกเขาออกหมัด พวกเขาตอบสนองต่อเกมได้”

หากคุณอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับคลอปป์หรือเป็ป คุณจะหยุดพวกเขาอย่างไร ดูเหมือนว่า ผจก.ทีมอื่นชักหมดหนทางต่อกร เบิร์นลี่ย์มีโอกาสตั้งแต่ต้นเกม แม็ตต์ โลว์ตันรับบอลจากโป๊ป หน้ากรอบเขตโทษตัวเอง ก่อนฟูล-แบ็ค เบิร์นลี่ย์โยนบอลข้ามทุกคนมาถึงคริส วู้ด เขาล็อคหลบเวอร์จิล ฟานไดค์อย่างสวยงาม ก่อนยิงด้วยซ้าย

แต่ศูนย์หน้าเบิร์นลี่ย์ต้องผิดหวังเพราะอาเดรียนบล็อกบอลสำเร็จก่อน ลิเวอร์พูลค่อยๆเคลียร์บอลจากเขตอันตราย

นักเตะที่แสดงให้เห็นความสำคัญของลิเวอร์พูลคือโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เบิร์นลี่ย์ไม่อาจประมาทลิเวอร์พูลในฐานะแชมป์ยุโรป และตัวเชื่อมเกมสำคัญคนนี้ ณอน ไดซ์วางนักเตะ 4 คนคอยประกบหมายเลข 9 ของลิเวอร์พูล แต่ฟีร์มีโน่ยังสามารถขับเคลื่อนเกมของลิเวอร์พูลได้อยู่ดี

ก่อนลิเวอร์พูลได้ประตูเพราะบอลแฉลบวู้ด เครื่องจักรสีแดงมีโอกาสมากมาย จากมาเน่และซาลาห์ แต่โป๊ปยืนหยัดอย่างเหนียวแน่น แต่รูปเกมบอกเราว่า เมื่อไรเท่านั้นที่ลิเวอร์พูลจะเจาะการป้องกันของโป๊ปได้สำเร็จ ไม่ใช่ว่า จะได้หรือไม่

นาที 37เบน มี พลาดกลางสนาม จ่ายบอลเข้าทางฟีร์มีโน่ เขาลากบอลทะลุขึ้นตรงกลาง นักเตะเบิร์นลี่ย์ 3 คนพยายามดักทางแต่ฟีร์มีโน่ยังมีช่องใส่พานให้ซาดิโอ มาเน่วิ่งเข้ายิงเล่นทางให้ลิเวอร์พูลนำ 2-0 เมื่อมาเน่ยิงลิเวอร์พูลไม่แพ้ติดต่อกัน 33 เกมในลีก (ชนะ 29 เสมอ 4)

เหตุการณ์หนึ่งที่เหมือนรอยร้าวในทีมลิเวอร์พูล คือซาลาห์และมาเน่ บางทีนักเตะจากอียิปต์ควรมองและจ่ายให้เพื่อนหากตำแหน่งคนอื่นดีกว่า โมมักเลือกยิงเอง หรือไปต่อ บอลไม่ชนเสา โดนเซฟ หรือติดกองหลัง นาที 85 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนนักเตะ 2 คน มาเน่และฟีร์มีโน่ ให้ ชาคีรี่และโอริกี้เล่น ซึ่งไม่สลักสำคัญอะไรเพราะ ขณะนั้นลิเวอร์พูลนำ 3-0 แต่มาเน่แสดงออกถึงความไม่พอใจซาลาห์เป็นอย่างยิ่ง จนเจมส์ มิลเนอร์ต้องลุกมาปลอบมาเน่ให้เย็นลง

“ซาดิโอแสดงความรู้สึกออกมา แต่ไม่มีปัญหา” คลอปป์ตอบคำถามนักข่าว “มีจังหวะในเกมที่เขาไม่พอใจ แต่เขาไม่พูดอะไรหยาบคายหรือไม่ดี แค่กิริยาอาการแตกต่างจากปกติเท่านั้น”

ฤดูกาลที่แล้ว กว่าลิเวอร์พูลจะชนะเบิร์นลี่ย์ได้แม้สกอร์จะดูห่าง 4-2 ที่แอนฟิลด์ ซึ่งเบิร์นลี่ย์นำก่อน และฟีร์มีโน่กับมาเน่ ต้องลุกจากม้านั่งสำรองลงมาช่วยให้ทีมชนะ 4-2 หรือที่เทิร์ฟมัวร์ ลิเวอร์พูลชนะ 3-1 เพื่อกดดันแมนฯ ซิตี้ซึ่งเป็นจ่าฝูงหลังจากผ่านไป 30 นัด

นาที 80 ฟีร์มีโน่ให้บอลซาลาห์จากเกือบกลางสนาม แล้ววิ่งประคองขึ้นไปหน้าเขตโทษ จังหวะซาลาห์พยายามหักหลบกองหลังย้อนเข้าด้านใน เขาอาจจับบอลแรงไป แต่เข้าทางฟีร์มีโน่พอดี สกอร์ 3-0  สำหรับลิเวอร์พูล

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ คือนักเตะบราซิลคนแรกที่ยิงครบ 50 ประตูในพรีเมียร์ ลีก เป็นคนที่ 9 ของลิเวอร์พูลที่ยิงครบ 50 ลูก และไม่มีทีมไหนในพรีเมียร ลีก มีนักเตะยิงครบ 50 ลูกมากกว่าลิเวอร์พูลและแมนฯ ยูฯ

การไม่ซื้อนักเตะในช่วงปิดฤดูกาล ไม่ใช่เรื่องเดียวที่เดอะ ค็อปกังวลใจ นักเตะอัฟริกันและบราซิเลี่ยนของทีมไม่มีโอกาสพรี-ซีซั่นเพราะภารกิจในเนชั่นส์ คัพ สำหรับมาเน่และซาลาห์ รวมถึงอลิซงและฟีร์มีโน่ในโคป้า อเมริกา

“หากถามผมก่อนหน้าสัก 4 สัปดาห์ ผมไม่คิดว่าเราจะทำได้อย่างนี้ ชนะ 4 เกมรวด “เราเจอพรี-ซีซั่นที่เต็มไปด้วยปัญหา กองหน้า 3 คนของผมไม่มีโอกาสพรี-ซีซั่น แต่พวกเขาทำได้ ณ ตอนนี้ถือว่าทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี” คลอปป์กล่าว

สำหรับบางคนที่สนใจ ลิเวอร์พูลได้คลีนชีตแรกของฤดูกาลจากนัดนี้

11 ตัวจริง อาเดรียน โรเบิร์ตสัน ฟาน ไดค์ มาติฟ อาร์โนลด์ ไวนัลดุม ฟาบินโญ่ เฮนเดอร์สัน มาเน่ ฟีร์มีโน่และซาลาห์ (สำรอง อ๊อกซ์แทนเฮนเดอร์สัน น 71 ชาคีรี่แทนฟีร์มีโน่ น 85 และโอริกี้แทนมาเน่ น 85)

ตารางคะแนนจาก 4 นัด

1 ลิเวอร์พูล เล่น4 ชนะ4 เสมอ- แพ้- ได้12 เสีย3 12 คะแนน

2 แมนฯ ซิตี้ เล่น4 ชนะ3 เสมอ1 แพ้- ได้14 เสีย3 10 คะแนน

3 เลสเตอร์ เล่น4 ชนะ2 เสมอ2 แพ้- ได้6 เสีย3 8 คะแนน

4 พาเลซ เล่น4 ชนะ2 เสมอ1 แพ้1 ได้3 เสีย2 7 คะแนน

แมนฯ ยูฯอยู่ที่ 8 และเชลซีอยู่ที่ 11

 

 

บทความโดย  :: กิตติกร อุดมผล

อ่านข่าวฟุตบอลต่างประเทศ :: ข่าวฟุตบอลวันนี้

บทความฟุตบอล :: บทความฟุตบอลก่อนหน้านี้

เว็บดูบอลออนไลน์ :: ดูบอลออนไลน์ฟรี